ส.ว.ระยอง จี้รัฐทวงพื้นที่รอบพระวิหาร ซัดทำเฉยเสี่ยงเสียดินแดนถาวร แนะปฏิบัติการให้เฉียบขาด “ส.ว.อนุรักษ์” เผยยาบ้าระบาดเด็กเพิ่มขึ้น แนะจริงจังบำบัดรักษา
วันนี้ (6 ก.พ.) ที่รัฐสภา การประชุมวุฒิสภา สมัยสามัญนิติบัญญัติ ครั้งที่ 9 โดยมี พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมประธานได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ นายสาย กังกะเวคิน ส.ว.ระยอง หารือว่า ฝากนายกฯ รมว.ต่างประเทศ และรมว.กลาโหม เรื่องการขอคืนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบปราสาทเขาพระวิหาร ขณะนี้มีทหารและประชาชนกัมพูชาเข้ามายึดทำประโยชน์ครอบครองเต็มไปหมด ซึ่งรัฐบาลไทยยังไม่ได้ดำเนินการปกป้องพื้นที่ดังกล่าวอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันหรือตอบโต้ ทั้งทางการทูตและทางทหารอย่างจริงจัง ทั้งๆ ที่กองทัพไทยมีศักยภาพสูงกว่า ซึ่งจะเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดนอย่างถาวรได้ จึงขอเรียกร้องกระทรวงต่างประเทศ กลาโหม น่าจะมีมีปฏิบัติการเฉียบขาดชัดเจนกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ถ้าหากจำเป็นต้องเจรจาถึงขั้นถอนทหารทั้ง 2 ออกจากพื้นที่จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนหรือไม่
ด้าน นายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ฝากไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกฯ และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ในเรื่องปัญหาการระบาดของยาเสพติดของผู้เสพยารายใหม่ในกลุ่มเด็กนักเรียน ปัจจุบันตัวเลขการระบาดของยาเสพติดขยายวงกว้างออกไปมากจากการสำรวจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ พบว่า มีพื้นที่ 338 อำเภอ หรือกว่า 6 หมื่นหมู่บ้านเป็นพื้นที่เสียงของยาเสพติดและกำลังรุนแรงมากขึ้น ทั้งยาบ้าและยาไอซ์ ทั้งนี้ การบำบัดและรักษาขณะนี้ดำเนินการบำบัดผู้เสพไปแล้วมากกว่า 3 แสนราย โดยเฉพาะผู้เสพรายใหม่ พบว่าตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 70% โดยเฉพาะกลุ่มเด็กนักเรียนตั้งแต่ ป.6 ขึ้นไปเป็นกลุ่มที่พบในจำนวนผู้เสพรายใหม่ที่มากที่สุด และยังพบว่าการระบาดของยาไอซ์ที่เพิ่มสูงขึ้นใกล้เคียงกับยาบ้า ซึ่งตัวเลขของผู้ที่เสพยาเสพติดขณะปัจจุบันมีมากถึง 1.2 ล้านคน ขณะที่กลุ่มผู้ค้ามีความต้องการนำเข้าโดยการลักลอบนำเข้ามาทางภาคเหนือ
นายอนุรักษ์กล่าวต่อว่า ตนจึงขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และและร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ดำเนินการและให้หน่วยงานทุกหน่วยงานหันมาให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวเป็นพิเศษโดยเฉพาะในเรื่องบำบัดรักษาที่ต้องใช้งบประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาทในการรักษาบำบัดผู้เสพ ต้องมีการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
