ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ภูเก็ตสนธิกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 200 คน บุกเข้าจู่โจมตรวจค้นเรือนจำจังหวัดภูเก็ต พร้อมสุ่มตรวจผู้ต้องขังหาสารเสพติด ผลการตรวจค้นไม่พบโทรศัพท์มือถือ-ยาเสพติด ผู้บัญชาการเผยยังมีการลักลอบส่งเข้าเรือนจำ แต่ไม่ผ่านด่านตรวจเจ้าหน้าที่ ระบุผู้ต้องขังเปลี่ยนพฤติกรรมการลักลอบนำเข้ามือถือยาเสพติดซุกทวารลักลอบนำเข้าไป ขณะที่ตำรวจระดมกำลังปฏิบัติตามแผนตาปีจู่โจมปิดล้อม 45 จุดเป้าหมายยาเสพติด
วันนี้ (6 ก.พ.) เมื่อเวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตทุกหน่วย เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ อส. ฝ่ายปกครองจังหวัดภูเก็ต ปกครอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตและเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดภูเก็ตประมาณ 200 นาย นำโดย พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู พ.ต.อ.ชำนาญ แป้นนาบอน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, พ.ต.อ.โชติ ชิตไชย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต, นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต และนายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต
สำหรับการเข้าจู่โจมตรวจค้นในครั้งนี้มีการตรวจค้นในทุกจุดทั้งเรือนนอน ห้องทำงาน ห้องพยาบาล ห้องอาหาร และจุดต่างๆ พร้อมเรียกผู้ต้องขังทั้งหมดที่มีกว่า 1,615 คน มารวมตัวกันที่ลานภายเรือนจำ หลังจากนั้นแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นตามจุดต่าง และสุ่มตรวจปัสสาวะของผู้ต้องขังจำนวน 104 ราย ซึ่งผลจากการตรวจค้นในครั้งนี้ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย และผลการตรวจหาสารเสพติดทั้ง 104 คนไม่พบปัสสาวะสีม่วง
นายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การเข้าจู่โจมตรวจค้นเรือนจำจังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่จากทุกภาค ส่วนผลการตรวจค้นไม่พบโทรศัพท์มือถือและยาเสพติด พบเพียงหนังสือต้องห้าม และมีดเล่มเล็กๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจยึดไว้
สำหรับในส่วนของเรือนจำจังหวัดภูเก็ตนั้น ที่ผ่านมามีการตรวจค้นทุกวันอยู่แล้ว แต่การเข้าตรวจค้นในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลและของจังหวัดภูเก็ต อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่ทางเรือนจำก็จะเข้มงวดตรวจค้นต่อไปจนกว่าเรือนจำจังหวัดภูเก็ตจะปลอดจากยาเสพติดและสามารถประกาศเป็นเรือนจำสีขาวได้
ส่วนการลักลอบส่งยาเสพติดให้กับผู้ต้องขังโดยการส่งผ่านทางอาหาร พัสดุ ของใช้นั้น นายระพินทร์กล่าวว่า ยังคงมีการลักลอบส่งอยู่แต่ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและตรวจยึดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการจับกุมผู้ที่กระทำความผิดเป็นประจำ ซึ่งเรื่องนี้อยากเตือนไปยังญาติหรือเพื่อนของผู้ต้องขัง ที่ยังพยายามที่จะลักลอบส่งยาเสพติดให้กับผู้ต้องขังนั้น ขอให้หยุดพฤติกรรมถ้าไม่อยากจะเข้าไปอยู่ในเรือนจำกับผู้ต้องขังรายอื่น เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถที่จะเข้าไปถึงมือผู้ต้องขังได้
เช่นเดียวกับเรื่องของโทรศัพท์มือถือที่ก่อนหน้านี้มีการลักลอบโยนโทรศัพท์มือถือเข้าไปให้ผู้ต้องขังด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดได้เดือนละประมาณ 20-30 เครื่อง แต่หลังจากมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดรอบๆ กำแพงเรือนจำ การจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มทั้งภายในและภายนอกเรือนจำ และทางสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบบริเวณรอบๆ เรือนจำอย่างต่อเนื่องทำให้การลักลอบโยนโทรศัพท์เข้าเรือนจำหมดไป
แต่ผู้ต้องขังและญาติก็มีวิธีการใหม่ในการลักลอบส่งโทรศัพท์มือถือเข้ามาในเรือนจำ โดยส่งผ่านทางผู้ต้องขังที่นำตัวไปขึ้นศาลโดยผู้ต้องขังเหล่านี้จะนำโทรศัพท์ซุกมาในทวารหนัก แต่ทางเจ้าหน้าที่เรือนจำก็ไม่ปล่อยให้โทรศัพท์ไปถึงมือผู้ต้องขังได้ง่ายๆ เพราะหลังจากที่ผู้ต้องขังกลับจากขึ้นศาลก็จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งที่ผ่านมาก็สามารถตรวจยึดได้จำนวนหนึ่ง เชื่อว่าผลจากการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจะทำให้การลักลอบส่งโทรศัพท์มือถือเข้าเรือนจำภูเก็ตเหลือเป็นศูนย์
ขณะที่ พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า วันนี้ (6 ก.พ.) นอกจากจะนำกำลังเข้าจู่โจมตรวจค้นเรือนจำแล้ว ในส่วนของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 200 นาย ออกปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายตามแผนปฏิบัติการตาปี เพื่อปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายทั่วทั้งจังหวัดภูเก็ต จำนวน 45 เป้าหมาย เน้นตรวจสอบเรื่องของยาเสพติด ซึ่งจากการตรวจค้นสามารถตรวจยึดยาเสพติดได้ในหลายๆ จุดซึ่งขณะนี้กำลังทยอยส่งผลเข้ามา