อนุฯ ติดตามเยียวยาฯ ตัดพ้อมาตรการเยียวยาไม่เป็นธรรมต่อเหยื่อไฟใต้ จี้รัฐวางกรอบจ่ายเงินเยียวยาให้ชัด เตือนอย่าอ้างปรองดองบนความขัดแย้งเพิ่มขึ้น แนะควรเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบทั้งระบบ โดยเน้นส่งเสริมอาชีพแทนการแจกเงิน
วันนี้ (25 ม.ค.) คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามการแก้ไขปัญหาและการฟื้นฟูการพัฒนาตามวิถีวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวแสดงความคิดเห็นในเรื่องการเยียวยาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการสร้างความปรองดอง ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้กันในสากล แต่จากมาตรการที่ทางรัฐบาลมีมติ ครม.เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางและรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในความไม่สงบ ผู้เสียชีวิต ผู้พิการ และญาติพี่น้องรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากภาครัฐ ดังนั้นภาครัฐต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการกำหนดกรอบการพิจารณา หลักเกณฑ์ คุณสมบัติที่ชัดจนในตัวเงิน กลุ่มบุคคล และเหตุการณ์ที่สมควรได้รับการช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟู ซึ่งต้องเป็นมาตรฐานสากลเพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติ
คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เห็นว่า รัฐบาลจะต้องแสดงให้เห็นว่าสามารถสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง และไม่เป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งหรือแตกแยกขึ้นใหม่ในสังคม รวมไปถึงต้องสร้างความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมโดยนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ทั้งนี้รัฐควรจะเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทั้งระบอบ โดยเฉพาะการส่งเสริมอาชีพ การเยียวนาด้านจิตใจ ซึ่งจะให้คุณค่ามากกว่าตัวเงิน และเป็นการเยียวยาที่ต่อเนื่อง มั่นคง และยั่งยืน
วันนี้ (25 ม.ค.) คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามการแก้ไขปัญหาและการฟื้นฟูการพัฒนาตามวิถีวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวแสดงความคิดเห็นในเรื่องการเยียวยาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการสร้างความปรองดอง ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้กันในสากล แต่จากมาตรการที่ทางรัฐบาลมีมติ ครม.เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางและรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในความไม่สงบ ผู้เสียชีวิต ผู้พิการ และญาติพี่น้องรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากภาครัฐ ดังนั้นภาครัฐต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการกำหนดกรอบการพิจารณา หลักเกณฑ์ คุณสมบัติที่ชัดจนในตัวเงิน กลุ่มบุคคล และเหตุการณ์ที่สมควรได้รับการช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟู ซึ่งต้องเป็นมาตรฐานสากลเพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติ
คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เห็นว่า รัฐบาลจะต้องแสดงให้เห็นว่าสามารถสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง และไม่เป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งหรือแตกแยกขึ้นใหม่ในสังคม รวมไปถึงต้องสร้างความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมโดยนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ทั้งนี้รัฐควรจะเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทั้งระบอบ โดยเฉพาะการส่งเสริมอาชีพ การเยียวนาด้านจิตใจ ซึ่งจะให้คุณค่ามากกว่าตัวเงิน และเป็นการเยียวยาที่ต่อเนื่อง มั่นคง และยั่งยืน
