ปธ.วิปรัฐบาลโหมโรงร้องแก้ รธน.รายวัน นัดหมาย 1 ก.พ. เดินเครื่องเต็มสูบย้ำใช้ ส.ส.ร.ยกร่างเท่านั้น ยันไม่ขอร่วมสังฆกรรมข้อเสนอ “นิติราษฎร์” ไม่กล้าแตะ ม.112
วันนี้ (25 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวถึงแนวทางในการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า จุดยืนของรัฐบาลคือการแก้ไขมาตรา 291 เพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมายกร่าง เนื่องจากเป็นรูปแบบที่ทุกฝ่ายน่าจะยอมรับได้ เพราะมีความเชื่อมโยงกับภาคประชาชน และแม้ว่ารัฐบาลจะมีเสียงข้างมากเพียงพอที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมายกร่างเองได้ก็ตาม แต่รัฐบาลเห็นว่าแนวทางดังกล่าวไม่มีการเชื่อมโยงกับภาคประชาชนและอาจทำให้เป็นปัญหาได้ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลจะไม่เกี่ยวข้องหรือมีการเสนอแก้ไขที่เชื่อมโยงไปถึงการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เนื่องจากมีความพยายามนำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปเชื่อมโยงกับการเสนอแก้ไขมาตรา 112 และการแก้ไขรัฐธรรมนูญของคณะนิติราษฎร์
นายอุดมเดชกล่าวอีกว่า ส่วนกรอบเวลาที่จะยื่นเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏรน่าจะอยู่ในช่วงเดือน ก.พ. หลังจากภาคประชาชนที่นำโดยนายสงวน พงศ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย มีกำหนดนัดหมายเข้ายื่นร่างของภาคประชาชนต่อประธานสภาผู้แทนราษฏรในวันที่ 1 ก.พ.55 ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากผ่านกระบวนการตรวจสอบแล้วกระบวนการเริ่มพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญน่าจะเริ่มขึ้นในเดือน มี.ค. ในส่วนของที่มาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คาดว่าจะมีการนำเสนอน่าจะมีผู้เสนอหลายกลุ่ม อาทิ ร่างของ ส.ส.ซึ่งอาจเสนอโดยพรรคเพื่อไทย ร่างของภาคประชาชน ร่างของพรรคร่วมรัฐบาล (พรรคชาติไทยพัฒนา) ร่างของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และอาจมีร่างของรัฐบาลที่จะรอฟังความเห็นของทุกฝ่ายก่อนจะเสนอร่างประกบเข้าสู่การพิจารณาด้วย
“การที่นักวิชาการจะเสนอก็เป็นสิทธิของนักวิชาการ แต่ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลทั้งหมดจะต้องเป็นไปตามกระบวนการของรัฐสภา เหมือนการเสนอกฎหมายของภาคประชาชนซึ่งประธานรัฐสภาจะเป็นผู้พิจารณาต่อไป” นายอุดมเดชกล่าว
วันนี้ (25 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวถึงแนวทางในการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า จุดยืนของรัฐบาลคือการแก้ไขมาตรา 291 เพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมายกร่าง เนื่องจากเป็นรูปแบบที่ทุกฝ่ายน่าจะยอมรับได้ เพราะมีความเชื่อมโยงกับภาคประชาชน และแม้ว่ารัฐบาลจะมีเสียงข้างมากเพียงพอที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมายกร่างเองได้ก็ตาม แต่รัฐบาลเห็นว่าแนวทางดังกล่าวไม่มีการเชื่อมโยงกับภาคประชาชนและอาจทำให้เป็นปัญหาได้ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลจะไม่เกี่ยวข้องหรือมีการเสนอแก้ไขที่เชื่อมโยงไปถึงการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เนื่องจากมีความพยายามนำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปเชื่อมโยงกับการเสนอแก้ไขมาตรา 112 และการแก้ไขรัฐธรรมนูญของคณะนิติราษฎร์
นายอุดมเดชกล่าวอีกว่า ส่วนกรอบเวลาที่จะยื่นเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏรน่าจะอยู่ในช่วงเดือน ก.พ. หลังจากภาคประชาชนที่นำโดยนายสงวน พงศ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย มีกำหนดนัดหมายเข้ายื่นร่างของภาคประชาชนต่อประธานสภาผู้แทนราษฏรในวันที่ 1 ก.พ.55 ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากผ่านกระบวนการตรวจสอบแล้วกระบวนการเริ่มพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญน่าจะเริ่มขึ้นในเดือน มี.ค. ในส่วนของที่มาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คาดว่าจะมีการนำเสนอน่าจะมีผู้เสนอหลายกลุ่ม อาทิ ร่างของ ส.ส.ซึ่งอาจเสนอโดยพรรคเพื่อไทย ร่างของภาคประชาชน ร่างของพรรคร่วมรัฐบาล (พรรคชาติไทยพัฒนา) ร่างของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และอาจมีร่างของรัฐบาลที่จะรอฟังความเห็นของทุกฝ่ายก่อนจะเสนอร่างประกบเข้าสู่การพิจารณาด้วย
“การที่นักวิชาการจะเสนอก็เป็นสิทธิของนักวิชาการ แต่ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลทั้งหมดจะต้องเป็นไปตามกระบวนการของรัฐสภา เหมือนการเสนอกฎหมายของภาคประชาชนซึ่งประธานรัฐสภาจะเป็นผู้พิจารณาต่อไป” นายอุดมเดชกล่าว
