ผ่าประเด็นร้อน
หลังจากมีการเปิดเผยออกมาจากปากของ ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ เลขานุการส่วนตัวของ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันจันทร์ที่ 23มกราคมว่า ตัวเองจะเข้ามารับตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อ้างว่าเพื่อให้การทำงานในกระทรวงมหาดไทยมีความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ล่าสุดเมื่อบ่ายวันรุ่งขึ้น (24 มกราคม) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็ประทับตราแต่งตั้งให้เขาดำรงตำแหน่งดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการเข้ามาแทน อารี ไกรนรา หัวหน้าการ์ดคนเสื้อแดง ที่ต้องลุกไปนั่งที่อื่น
ถามว่าทำไมต้องให้ความสำคัญกับแค่ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ต้องบอกว่า หากพิจารณาจากตัวบุคคลที่เข้ามาก็ต้องถือว่า “พิเศษ” และต้องเพ่งมองว่าเข้ามาด้วยจุดประสงค์ใด เพื่อพิจารณาจากแบ็กกราวด์แล้วรับรองว่าไม่ธรรมดา
เพราะ ภาพของ ผดุง ในความเข้าใจของคนทั่วไปก็ไม่ต่างจาก “คนรับใช้” ที่ซื่อสัตย์ของ ทักษิณ ชินวัตร ทำทุกอย่างตามบัญชาของเจ้านาย ทำได้แม้แต่ “งานนอกสั่ง” หากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีผลดีต่อทักษิณ ซึ่งเมื่อครั้งที่ ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี เขาก็เป็นคนประสานงาน ติดต่อและสั่งการแทนในแทบทุกเรื่อง ในงานเบื้องหลัง ไม่เว้นแม้กระทั่ง “งานใต้ดิน”
ดังนั้นการเข้ามาของ ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ คราวนี้จึงมองว่านี่คือ มท.1 ตัวจริง ที่จะทำหน้าที่สั่งการแบบไม่เป็นทางการแทน ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตามพิธีการ และขณะเดียวกันหากพิจารณาจากคำพูดก่อนที่จะได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ผดุง ก็ให้เหตุผลแล้วว่า เพื่อให้การบริหารภายในกระทรวงมหาดไทยมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นก็แสดงว่าที่ผ่านมาการทำงานของ ยงยุทธ ล่าช้าและไม่มีประสิทธิภาพ จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ อย่างไรก็ดีหากถึงขั้นเปลี่ยนตัว มท.1 มันอาจเกิดแรงกระเพื่อม รวมไปถึงเกิดภาพที่เป็นลบหากปรับ ยงยุทธ ออกไป เนื่องจากเป็นถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ในภาพรวมของรัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังจากมีการปรับคณะรัฐมนตรีเป็น ครม.ยิ่งลักษณ์ 2 จำนวน 16 ตำแหน่ง และรวมถึงตำแหน่งเลขานุาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คนใหม่เป็น ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ ทำให้มองเห็นภาพไม่ต่างจาก “บริษัททักษิณ จำกัด” เพราะล้วนแล้วแต่คนกันเอง หรือคนรับใช้ประเภทเด็กในบ้านที่ซื่อสัตย์ทั้งนั้น โดยเฉพาะในตำแหน่งสำคัญ
หากไล่เรียงตั้งแต่ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงมาก็มี อารักษ์ ชลธาร์นนท์ จากบริษัทไทยคมฯเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นต้น
สำหรับภารกิจของแต่ละคนนาทีนี้คงไม่ต้องสาธยายซ้ำให้เสียเวลา เพราะระดับ “คอการเมือง” ก็คงรับรู้กันจนเลี่ยนไปแล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อมีตัวละครอย่าง ผดุง เข้ามาใหม่ มันก็เหมือนกับการต่อจิ๊กซอร์ให้เติมเต็ม เป็นภารกิจที่ครอบคลุมทั้ง เศรษฐกิจ ทุน ความมั่นคง รวมไปถึงงานทางด้านการปกครอง ทุกอย่างครบวงจร ความหมายก็ไม่ต่างจากบริษัท ทักษิณ จำกัด และเมื่อภาพออกมาเป็นแบบนี้ อย่าได้แปลกใจที่การทำงานของรัฐบาลชุดนี้จะถูกมองว่ามี “วาระซ่อนเร้น” ทำเพื่อขยายอิทธิพลส่วนตัว โดยใช้อำนาจรัฐที่มีอยู่ในมือเป็นใบเบิกทาง
ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบจากคณะรัฐมนตรีในตำแหน่งสำคัญดังกล่าว รวมทั้งเมื่อมาบวกกับความพยายามเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป้าหมายเพื่อให้ ทักษิณ พ้นความผิด และกลับมามีอำนาจทางการเมืองเต็มรูปแบบอีกรอบ กำลังมีการขับเคลื่อนกันอย่างเต็มที่ มันก็ชัดยิ่งกว่าชัดว่า เวลานี้กำลังแปรรูปประเทศไทยให้กลายเป็นบริษัททักษิณ ซึ่งบริษัทที่ว่านั้นก็ไม่ใช่แบบมหาชน แต่เป็นแค่บริษัทจำกัด เท่านั้น !!