xs
xsm
sm
md
lg

“ชวนนท์” เชื่อ “แม้ว” เร่งปิดเกม จับตา “อารักษ์” นั่งพลังงาน จี้ทบทวนตั้ง “นลินี” รมต.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าว
โฆษก ปชป.เกาะติด “โกร่ง” ชงคลังขายหุ้น ปตท.ให้หลุดรัฐวิสาหกิจ ซัดรัฐเห็นประโยชน์ผู้ถือหุ้นพวกพ้องมากกว่า เชื่อทำกู้มาถลุงได้เพิ่มอีกเพียบ จับตา “อารักษ์” นั่งพลังงานเดินหน้าเจรจาก๊าซไทย-เขมรหรือไม่ คาด “นช.แม้ว” วางหมากปิดเกมเร็ว ระบุ “กิตติรัตน์” ควบคลังจ่อดันโอนหนี้เข้าแบงก์ชาติ ปูดพาณิชย์แอบเปิดประมูลข้าว 3 แสนตันให้ 2 บ. จี้ทบทวน “นลินี” นั่ง รมต.หลังมะกันเตือนแบล็กลิสต์ซ้ำ หยัน “สุรพงษ์” กลัวเขมรยิ่งกว่าบุพการี ไล่ไปขับเขมรพ้นวัดแก้ว


วันนี้ (20 ม.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนแสดงความเป็นห่วงต่อกรณีการแต่งตั้งตัวบุคคลที่จะเข้ามาผลักดันนโยบายสำคัญของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะล่าสุดที่นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) เสนอให้กระทรวงการคลังขายหุ้นบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จำนวน 2% เพราะตามโครงสร้างการถือหุ้นเดิมที่กระทรวงการคลังถืออยู่ที่ 51.5% ซึ่งหากกระทรวงการคลังถือหุ้นไม่ถึง 50% แล้วจะหลุดจากการเป็นรัฐวิสากิจในการบริหารควบคุมนโยบายด้านพลังงานทันที เหตุนี้พรรคประชาธิปัตย์จึงเป็นห่วง เพราะขณะนี้ราคาพลังงานได้ปรับพุ่งขึ้น ทั้งราคาน้ำมันดีเซล เบนซิน ก๊าซแอลพีจี-เอ็นจีวี และคาดว่าจะสูงอย่างต่อเนื่องภายใน 1-2 เดือนนี้ อีกทั้งสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นเมื่อเริ่มจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันอีก ดังนั้นจึงชัดเจนว่ารัฐบาลนี้คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นที่มีเครือข่ายทับซ้อนกับรัฐบาล

นายชวนนท์กล่าวว่า นอกจากนี้เมื่อปตท.หลุดจากการเป็นรัฐวิสาหกิจก็จะพาหนี้สาธารณะในส่วน ปตท.นับแสนล้านบาทออกจากหนี้ของรัฐบาลด้วย ทำให้รัฐบาลสามารถกู้ได้เพิ่มเพื่อมาถลุงอีก รวมทั้งดูเหมือนว่ารัฐบาลพยายามปล่อยให้รัฐวิสาหกิจที่ดูแลโครงสร้างราคาพลังงานของประชาชนมาเป็นเวลายาวนานมาทำเพื่อประโยชน์ของผู้ที่อยู่เบื้องหลังผู้ถือหุ้น ยิ่งเมื่อรวมกับกรณีการเปลี่ยนตัวผู้บริหารคนใหม่ คือ นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ อดีตผู้บริหารไทยคม เข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงานด้วยแล้ว แม้รัฐบาลจะปฏิเสธว่าไม่ใช่ลูกหม้อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนักโทษหนีคดีที่ดินรัชดาฯ ก็ไม่ได้ทำให้คนไทยเชื่อว่าจะไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนต่อกัน ทั้งนี้จึงต้องจับตาภารกิจแรกของนายอารักษ์ ว่าจะเข้ามาควบคุมราคาพลังงาน หรือเข้ามาเพื่อเดินหน้าเจรจาผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา หรือมาทำเรื่องบ่อก๊าซในพม่าหรือไม่ อย่างไร เพราะหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปยังประเทศพม่าเมื่อเร็วๆ นี้ พม่าก็ให้สัมปทานบ่อก๊าซมา 2 บ่อด้วย

“ครั้งนี้ทักษิณไม่ได้มาเหมือนปี 2544 เพราะครั้งนี้มาแบบหวังปิดเกมเร็ว ทั้งประเด็นส่วนตัวและเรื่องผลประโยชน์ เหตุนี้จึงต้องจับตามองเป็นพิเศษถึงประโยชน์ทับซ้อนในประเด็นต่างๆ” นายชวนนท์กล่าว

สำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นั้น นายชวนนท์กล่าวว่า ก็ชัดเจนว่ามาจากความต้องการโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งสวนทางกับแนวคิดของธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล โดยเฉพาะประเด็นการเป็นห่วงหลักประกันความมั่งคงของประชาชน ผู้ฝากเงิน ที่มีสถาบันคุ้มครองเงินฝากค้ำประกัน ส่วนนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์นั้น ก็เป็นที่น่าจับตาว่าอาจจะมีการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนหรือไม่ เพราะล่าสุดในเรื่องจำนำข้าวซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เคยมีรายงานว่าโครงการจำนำข้าวมีการทุจริตถึง 66% คิดเป็น 2 ใน 3 ที่ทำให้เงินถึงมือประชาชนเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น ทั้งนี้ตลอดโครงการรับจำนำของรัฐบาลชุดนี้ยังทำให้ยอดส่งออกข้าวลดลง 38% โดยส่งออกได้เพียง 6.5 ล้านตัน ซึ่งถือว่าละทิ้งเกษตรกร

“ล่าสุดพบว่า มีการเอื้อประโยชน์โดยกระทรวงพาณิชย์แอบทำการลับเปิดประมูลข้าวล็อตใหญ่ 3 แสนตัน ด้วยวิธีพิเศษโดย เปิดให้เอกชนเพียง 2 รายเข้าประมูลด้วยวิธีพิเศษ ใช้เวลาเสร็จสรรพไม่เกิน 10 วัน ได้แก่ บริษัท สยามอินดิกัล จำกัด และบริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว จำกัด และที่มีข้อพิรุธคือ กรรมการผู้ถือหุ้นบริษัท สยามอินดิกัล เป็นบุคลเดียวกับผู้ถือหุ้นกับบริษัท เพรซิเดนท์อะกรีฟู๊ด จำกัด ที่เคยประมูลข้าวในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ และเกิดปัญหาการทุจริตฮั้วประมูลข้าว 7 ล้านตัน จนมีการฟ้องล้มละลาย ดังนั้น การประมูลข้าวล็อตดังกล่าวทำให้เอกชนได้ข้าวราคาถูกเพื่อส่งออกไปยังประเทศอินโดนีเซีย ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องติดตามต่อไป” นายชวนนท์กล่าว

สำหรับกรณีนางนลินี ทวีสิน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ถูกสหรัฐอเมริกาขึ้นแบล็กลิสต์ห้ามเข้าประเทศนั้น นายชวนนท์กล่าวว่า ทางการสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ย้ำข้อมูลที่เป็นการตบหน้ารัฐบาลไทย โดยยืนยันนางนลินีถูกขึ้นแบล็กลิสต์จริง ด้วยข้อหาที่ชัดเจนคือ ถูกอายัดทรัพย์สินในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบ่อนทำลายสถาบันประชาธิปไตยของประเทศซิมบับเว ดังนั้น การที่นายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทยเรียกร้องประชาธิปไตย แต่กลับไปสนับสนุนผู้ที่สนับสนุนเผด็จการที่ฆ่าประชาชนซึ่งคดีอยู่ในการพิจารณาของศาลอาญาระหว่างประเทศ มาอยู่ในคณะรัฐมนตรีได้อย่างไร

“นางนลินีไม่มีสายสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทยมากไปกว่าคอนเนกชันธุรกิจทำเหมืองเพชร พลอยในแอฟริกาที่สอดคล้องกับกรณีหลังการเดินทางออกนอกประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้ไปทำธุรกิจเหมืองเพชรพลอยในแอฟริกาเช่นกัน เช่นนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องสำนึกว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย ที่นำคนถูกแบล็กลิสต์เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือไม่ ดังนั้นจึงขอให้มีการทบทวน เพราะในอดีตก็เคยมีการยับยั้งรายชื่อบุคคลที่ถูกทางการสหรัฐฯ ขึ้นแบล็กลิสต์มาแล้ว”

นายชวนนท์ยังกล่าวถึงนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศว่า ให้หยุดพูดเรื่องทางการสหรัฐเตือนการก่อการร้ายในไทย เพราะยิ่งพูดยิ่งแย่ และที่ผ่านมาไม่เคยเจรจาเองแต่ส่งผู้บริหารระดับอธิบดีไปเจรจาตลอด จึงขอให้กลับมาแก้ปัญหาพิพาทไทย-กัมพูชาจะดีกว่า เพราะล่าสุดเริ่มทีชาวเขมรบุกเข้ามาตั้งชุมชนบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งถือเป็นการละเมิดเอ็มโอยู 2543 และละเมิดคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก แต่นายสุรพงษ์อาจจะกลัวเขมรยิ่งกว่าบุพการีตัวเอง ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์จึงขอให้ทำกระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือหยุดยั้งการบุกรุกพื้นที่ดังกล่าวด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น