“เฉลิม” รับไปฮ่องกง แต่ไม่เจอ “นช.แม้ว” อ้างไปหลังทูลเกล้าฯชื่อ ครม.แล้ว ยันไม่ทุกข์ร้อนหากโดนเด้ง ไม่เชื่อแก๊ง 111 แห่จองเก้าอี้เมื่อพ้นโทษแบน ชู “ยิ่งลักษณ์” มีความคิด ชี้ รมต.ใหม่มาตรฐานใช้ได้ เชื่อ “สุกำพล” ไม่เกาเหลากองทัพ ระบุรัฐคงไม่หาเรื่องเข้าตัว โบ้ยพวกวิพากษ์ฝ่ายตรงข้ามทั้งนั้น ปัด ส.ส.โวย อ้างดุลพินิจ “ยิ่งลักษณ์” การันตี “เต้น” นั่ง รมต.ไม่ใช่สายล่อฟ้า ปัดจ่ายโควตาแดง - ชี้ผังล้มเจ้าถ้าเป็นเท็จต้องประจาน
วันนี้ (19 ม.ค.) ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) เมื่อเวลา 10.20 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ร.ต.อ.เฉลิม เดินทางไปฮ่องกงเพื่อพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีที่ดินรัชดา ช่วงที่มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตนยอมรับว่าไปประเทศฮ่องกง แต่ไม่ได้พบ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการไปทำภารกิจอื่น และก่อนเดินทางไปถึงเป็นช่วงเวลาหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯรายชื่อรัฐมนตรีแล้ว และตนไม่เคยคิดว่าการอยู่ในตำแหน่งหรือไม่อยู่ในตำแหน่งจะเป็นเรื่องทุกข์ร้อน หากยังอยู่ก็ทำงาน แต่หากถูกปรับออกก็ทำหน้าที่ ส.ส.ตนคิดอย่างนี้มาตลอด และไม่เชื่อว่าสมาชิกบ้านเลขที่ 111 เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อขอจับจองตำแหน่งหากพ้นจากการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เพราะเชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความเป็นตัวของตัวเอง และมีวิสัยทัศน์ที่สามารถตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้เอง
“จากการที่ผมที่ได้ร่วมงานกันมากับนายกฯยิ่งลักษณ์ สัมผัส และรู้ได้ว่าเป็นคนมีความคิด มีวิสัยทัศน์ มีความเชื่อมั่น แต่กรณีที่จะปฏิเสธเลยว่านายกฯยิ่งลักษณ์ ติดต่อกับนายกฯทักษิณ หรือไม่ ผมตอบไม่ได้ แต่ความเป็นพี่น้องก็ต้องมีติดต่อกันบ้าง แต่จะติดต่อกันเรื่องอะไรพวกที่รู้ก็รู้ไม่จริงไปคาดคิดว่ากันเอง แต่ผมดูชื่อครม.เห็นว่ามาตรฐานใช้ได้ คนเก่งๆทั้งนั้นที่เข้ามาทำงาน คนที่ออกไปก็ไม่ใช่เสียหาย แต่การเมืองก็เป็นเช่นนี้” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รมว.กลาโหม คนใหม่ที่มีการมองว่าอาจจะทำให้เกิดปัญหาในกองทัพ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มีปัญหาแน่นอน เพราะรัฐบาลนี้กับกองทัพไปด้วยกันด้วยดี แต่บางครั้งการปรับเปลี่ยนรัฐบาลก็มียุทธศาสตร์ ไม่ใช่ว่า รมว.กลาโหม จะไปทำอะไรได้ตามใจชอบซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อย่างเรื่อง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงกลาโหม การแต่งตั้งโยกย้าย ก็มีกฎหมายกำกับดูแล อย่าไปเข้าใจให้เกิดปัญหาจนเกิดความแคลงใจ เพราะในความเป็นจริงไม่มี
“การเมืองวันนี้แบ่งขั้วชัดเจน ประชาธิปัตย์ไม่เอาเพื่อไทย นักธุรกิจส่วนหนึ่งไม่เอาเพื่อไทย แต่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเขาเอาพรรคเพื่อไทย และพรรเพื่อไทยบริหารบ้านเมืองดีแบบนี้จะไปหาเรื่องยุ่งกับทหารทำไมไม่มีหรอก อย่าไปกวนน้ำให้ขุ่น ตอนน้ำท่วมทหารก็ช่วยเหลือเยอะ และผบ.ทบ.ก็ได้รับเครดิตจากสังคมมาเป็นอันดับหนึ่ง ทำไมต้องมาควบคุมกองทัพรัฐบาลจะหาเรื่องเข้าตัวทำไมไม่มีประโยชน์อย่าไปเข้าใจผิด และไม่มีใครคิดว่าทหารจะปฏิวัติ ผมขอบอกว่าถ้ารัฐบาลชุดนี้ไม่ทุจริต อยู่ครบเทอมแล้วต่ออีก 4 ปี อย่าไปทุจริตก็แล้วกัน” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
เมื่อถามว่า ฝ่ายการเมือง ภาคเอกชน สะท้อนว่า ปรับ ครม.เร็วไปหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายกฯ ภาคเอกชนที่วิเคราะห์วิจารณ์ก็เป็นฝ่ายที่ต่อว่าพวกผมมาตลอด ฝ่ายการเมืองก็เป็นฝ่ายตรงข้ามมาตลอด คนละมุมกันมาตลอดจะชื่นชมกันได้อย่างไร พร้อมทั้งปฏิเสธข่าวที่มีส.ส.ภายในพรรคเพื่อไทย โวยว่าการจัดทำโผครม.ครั้งนี้เป็นการทำโผเฉพาะในกลุ่มของตระกูลชินวัตร ว่าไม่เป็นความจริง เพราะการปรับครม.เป็นอำนาจของนายกฯ บางครั้งนายกฯก็ปรึกษาหรือไม่ปรึกษา เพราะเมื่อพรรคให้ความไว้วางใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ ก็ต้องมอบความไว้วางใจในทุกด้าน รวมถึงการปรับ ครม.การบริหารราชการบ้านเมือง
เมื่อถามว่า การแต่งตั้ง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มนปช.เป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นการต่างตอบแทนหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นายณัฐวุฒิ นอกจากเป็นแกนนำ นปช.แล้วยังเป็นนักปราศรัยให้กับพรรคในช่วงหาเสียงทำงานหนักมากไปหาเสียงทั่วประเทศ การที่ นายณัฐวุฒิ เป็นรัฐมนตรีก็เป็นเรื่องถูกต้องไม่มีอะไรผิดปกติ และเชื่อว่านายณัฐวุฒิ จะไม่ใช่สายล่อฟ้าของรัฐบาล เพราะเป็นคนน่ารัก ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของโควต้าคนเสื้อแดง เพราะในพรรคเพื่อไทย ไม่มีโควต้ามีแต่ความเหมาะสม อีกทั้งคนเสื้อแดงก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร นอกจากเรื่องความถูกต้องความเป็นธรรมที่บาดเจ็บล้มตายแล้วขอได้รับการเยียวยา
นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เดินทางไปให้ปากคำกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถึงแผนผังล้มเจ้าว่า เรื่องนี้ต้องพิสูจน์ทราบหากเป็นความจริงต้องจับกุมขบวนการถ้าเป็นเท็จต้องประจานคนทำผังปล่อยให้เงียบไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะกล่าวหากันไปมาจะเรียกใครไปสอบก็เรียกหากใครมีหลักฐานก็เปิดมาแล้วก็ไปดำเนินคดีกับคนทำผิดถ้าไม่มีหลักฐานเป็นการสร้างเรื่องต้องประจานคนสร้างเรื่อง ส่วนต้องเอาผิดศอฉ.หรือไม่ตนไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่อย่างน้อยๆต้องประจานหากเป็นเรื่องเท็จ ซึ่งการสืบทราบเรื่องนี้ต้องเรียกคนเกี่ยวข้องมาสอบปากคำทีละคน เมื่อถามว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องไปถึง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะ ผอ.ศอฉ. ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ผมว่าท่านก็เป็นคนรับผิดชอบ แต่คงไม่ขอแนะนำในเรื่องนี้