โฆษก ปชป.เปรียบความล้มเหลวรัฐบาล 3 ล.ทั้งด้านความมั่นคงและต่างประเทศ แขวะจัดฉากจับสารตั้งต้นซีไฟร์ไม่หมูเหมือนจับบ่อน ชี้รัฐบาลล้มละลายกำลังขาดความน่าเชื่อถือจากต่างชาติ เพราะโกหกได้แม้พลเมืองของตัวเอง เตือน ปชช.เลือกกินแต่ปูสด หากปูเน่าเมื่อไหร่ถูกเขี่ยทิ้งแน่
วันนี้ (17 ม.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณีรัฐบาลไม่ประสบความสำเร็จในงานด้านความมั่นคงและต่างประเทศจากปัจจัย 3 ล.ลิง โดยพิจารณาจากกรณีก่อการร้าย อันประกอบด้วย 1. เหลวแหลก งานด้านความมั่นคง มั่วในการบริหารงาน ตั้งแต่เริ่มมีปัญหาสหรัฐฯ ออกคำเตือนพลเมืองว่าจะมีการก่อการร้ายใน กทม. แทนที่รัฐบาลจะบริหารสถานการณ์สื่อสารอย่างเป็นระบบ กลับเอางานด้านความมั่นคงไปฝากไว้ในมือของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และ ผบ.ตร. ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องหารือทุกหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อให้มีความเป็นเอกภาพชี้แจงในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติ แต่นายกรัฐมนตรีกลับให้ ร.ต.อ.เฉลิมและ ผบ.ตร.มาดำเนินการ ทั้งๆ ที่คนที่ควรเข้ามาควบคุมสถานการณ์คือ ตัวนายกรัฐมนตรี และรองนายกฯ ด้านความมั่นคง คือ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ จนทำให้เกิดความสับสนเพิ่มขึ้นและสร้างความเสียหายตามมา
“ตั้งแต่การประกาศจับตัวคนร้ายได้ระบุกลุ่มก่อการร้าย และบอกว่าไม่แจ้งข้อกล่าวหาเตรียมเนรเทศ พอเรื่องเริ่มยุ่ง ร.ต.อ.เฉลิมก็ชิ่ง ปล่อยให้ ผบ.ตร.หาทางลงเอง ก็ยิ่งทำให้ปัญหาลุกลามมากขึ้น เกิดความไม่เชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ เพราะมีข้อเท็จจริงว่า ผบ.ตร.จะไปสอบสวนผู้ต้องสงสัยด้วยตัวเอง แต่ไปเก้อ พอเสียหน้าก็กลับมีการสร้างประเด็นที่ใหญ่กว่ามากลบ คือ อ้างว่ามีการขยายผลจากการให้ปากคำของผู้ต้องสงสัยจนไปอายัดสารตั้งต้นทำระเบิดซีโฟร์ ชาวบ้านเขาก็ออกมาแฉว่าตำรวจจัดฉาก เพราะสถานที่แห่งนั้นคนที่ไปเช่าคือตำรวจในพื้นที่ และมีการจัดเก็บปุ๋ยมานานแล้ว”
นายชวนนท์กล่าวว่า ขอเตือนว่าอย่าหาทางลงให้ตัวเองจนสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศเพราะรับผิดชอบไม่ได้ เรื่องนี้ไม่หมูเหมือนจัดฉากจับบ่อนที่ ผบ.ตร.เปิดทางให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์มาเป็น ผบ.ตร.แล้วปล่อยให้บ่อนเดิมกลับมาเปิดใหม่โดยไม่มีการดำเนินการอะไรและสังคมก็ไม่ได้ตรวจสอบ เรื่องนี้ไม่เหมือนกรณีลอบวางระเบิดหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ที่ออกมาแถลงข่าวใหญ่โต พยายามกล่าวหาฝ่ายตรงกันข้ามเพื่อประโยชน์ทางการเมือง และจัดฉากหวังสร้างผลงาน พอถูกสังคมจับได้ไล่ทันก็ปล่อยให้เรื่องเงียบ แต่กรณีนี้เป็นเรื่องของชาติ หากงานด้านความมั่นคงไม่ได้รับความเชื่อถือแล้วก็จะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงเหมือนที่เกิดขึ้นในขณะนี้
นายชวนนท์กล่าวว่า 2. ล้มเหลว ด้านการต่างประเทศที่ยังอ่อนด้อยไร้ประสิทธิภาพอย่างยิ่ง สะท้อนจากบทบาทของ รมว.ต่างประเทศ เพราะแทนที่จะประสานภายในกับสหรัฐอเมริกาเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนถึงความกังวลของสหรัฐฯ และขจัดความกังวลนั้นเสีย เพื่อให้เพิกถอนคำเตือน แต่กลับใช้วิธีตำหนิผ่านสื่อประกาศเรียกทูตมาพบ แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าไปให้สุดทาง โยนเผือกร้อนไปให้ รมว.กลาโหมทำแทนในการเชิญทูตทหารมาและยื่นคำขาดว่าต้องถอนคำเตือน สุดท้ายเขาไม่ทำ ประเทศก็ยิ่งเสียหาย และแสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่มีความน่าเชื่อถือมากพอที่จะทำให้เขาเชื่อมั่น
และ 3. ล้มละลาย ทางความน่าเชื่อถือ ซึ่งจากภาพรวมการบริหารที่ไม่มีความเป็นเอกภาพ แก้ปัญหาแบบขายผ้าเอาหน้ารอด ขณะที่นายกรัฐมนตรีไม่มีความรู้ในงานด้านบริหารสอบตกในการสื่อสารยามสถานการณ์วิกฤต ทำให้รัฐบาลล้มละลายทางความน่าเชื่อถือ ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่จะไม่มีชาติใดเชื่อถือรัฐบาลชุดนี้ เพราะไม่มีชาติไหนจะให้ความเชื่อมั่นกับรัฐบาลที่โกหกแม้กระทั่งประชาชนของตัวเอง
“ขอเสนอให้รัฐบาลปรับการทำงานให้มีทิศทางเดียวกัน หยุดการสร้างภาพจัดฉากที่จะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายมากขึ้น เผชิญหน้ากับความจริงและให้ความจริงต่อสาธารณะเพื่อหยุดความแตกตื่น เจรจากับต่างประเทศด้วยเหตุและผล เพราะเชื่อว่าไม่มีประเทศไหนต้องการทำร้ายประเทศไทย แต่ส่วนไหนที่ต้องปกป้องพลเมืองของตัวเองก็ต้องทำเพราะเป็นหน้าที่ ขณะเดียวกันก็ควรแสดงออกถึงมารยาททางการต่างประเทศที่ควรให้เกียรติประเทศไทยในฐานะมิตรประเทศที่ดีต่อกันเสมอมาด้วย อย่างน้อยควรแสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นที่ทำให้ไทยได้รับผล กระทบก็เป็นเรื่องที่สมควรทำ จากนั้นทั้งไทยและประเทศที่เกี่ยวข้องควรแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันแก้ปัญหาเพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชน”
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายรัฐบาลทำร้ายประชาชน และประเทศชาติ จากปัจจัย 4 ต. คือ 1. ต้มตุ๋นประชาชน เห็นได้จากนโยบายด้านพลังงานที่ประกาศกระชากค่าครองชีพ ลดราคาพลังงานทุกชนิด แต่กลับทำในระยะเวลาสั้นๆ จากนั้นทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่เคยหาเสียงกับประชาชน ไม่ต่างอะไรจากนักต้มตุ๋นทางการเมือง
“จากนโยบายพลังงานที่ยึดกำไรของ ปตท.เป็นหลัก ทอดทิ้งให้ประชาชนต้องกลายเป็นผู้ขาดทุนทั้งขึ้นทั้งล่อง ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมที่ค่าครองชีพจะพุ่งสูงขึ้น เป็นแรงกดดันให้ภาวะเงินเฟ้อพุ่งตามไปด้วย และไม่รู้สึกแปลกใจที่มีข่าวว่าจะมีการปรับ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกจากตำแหน่ง เพราะท่านเหมือนกระดาษชำระ เขาใช้เช็ดของเสียครั้งเดียวก็โยนทิ้ง วันนี้ภารกิจทำกำไรให้ ปตท.จบไปหนึ่งเรื่องแต่ส่งผลลบต่อคะแนนเสียงก็ต้องมีการตัดตอนทางการเมืองให้ นายพิชัยเป็นแพะ เปลี่ยนออกเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ให้กับประชาชนที่ไม่พอใจ แต่ขอเตือนว่ารัฐบาลปรับ รมว.พลังงานออกไปก็หนีความรับผิดชอบที่ว่า นายกรัฐมนตรีตระบัดสัตย์และกำหนดนโยบายผลักภาระให้กับประชาชนไปไม่ได้ นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังเป็นกระทรวงที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐมนตรี โดยเฉพาะในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนจากทรัพยากรธรรมชาติผ่านความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับเพื่อนบ้าน”
2. ตบตา เช่นกรณีแจกแท็บเล็ตเด็ก ป.1 ซึ่งมีการท้วงติงมาตั้งแต่ตอนหาเสียงว่าเป็นนโยบายที่จะสร้างผลเสียมากกว่าผลดีทางการศึกษาและพัฒนาการของเด็ก เป็นการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่ากับประโยชน์ทางการศึกษาที่เด็กจะได้รับ แต่พรรคเพื่อไทยก็ดึงดันที่จะเดินหน้าเพื่อหาคะแนนนิยมทางการเมืองแบบไร้ความรับผิดชอบ เมื่อมาเป็นรัฐบาลก็ไม่ทำตามที่พูดว่าจะแจกให้เด็ก ป.1 ทั่วประเทศ แต่กลับเลือกที่จะแจกให้กับโรงเรียนบางแห่งแทนและล่าสุดนายกรัฐมนตรีออกมาอ้างว่าจะไม่แจกให้กับโรงเรียนทั้งหมด เพราะยังมีปัญหาที่ต้องศึกษาผลดีผลเสียก่อน เท่ากับการหาเสียงที่ผ่านมาตบตาประชาชนด้วยการแจกแบบแก้บนพอเป็นพิธีได้ไม่ทั่วถึงแล้วก็เลิก ถือเป็นการทำงานการเมืองที่ไร้ความรับผิดชอบต่อประชาชนและประเทศชาติ
3. ตักตวง ตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศก็ตักตวงงบประมาณเอื้อประโยชน์ให้พรรคพวกตัวเอง เช่น กรณีเอาภาษีประชาชนไปแจกคนเสื้อแดงโดยไม่แยกผู้กระทำความผิด 7.75ล้านบาทต่อราย บริหารแบบสองมาตรฐาน ให้คนเสื้อแดงแยกขังในสถานที่สบายกว่าผู้ต้องหารายอื่น จัดงบประมาณลงเฉพาะพื้นที่ตัวเองแบบเลือกปฏิบัติ ตักตวงงบประมาณมาจัดทำนโยบายหาเสียงเพื่อคะแนนนิยมทางการเมืองโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อประเทศชาติ
นายชวนนท์กล่าวว่า และ 4. ตายเรียบ จากนโยบายของรัฐบาลที่ซ้ำเติมทั้งชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง และการต่างประเทศขอวรัฐบาลชุดนี้ ไม่เพียงแต่จะสร้างสุขสลายทุกข์ไม่ได้ แต่จะทำให้คนไทยตายเรียบเพราะต้องอยู่กับความไม่มั่นคงทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ และจะยากจนลง ช่องว่างระหว่างรายได้คนจนกับคนรวยจะขยายกว้างขึ้นภายใต้การนำของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
“แต่มีสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลชุดนี้ทำได้ คือ ทำให้เกิดความปรองดองได้จริง จากการจับมือกันของเกษตรกรสวนยางพาราภาคใต้ กับภาคอีสาน ที่ปรองดองกันออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหายงพาราตกต่ำ โดยวันที่ 17 มกราคมนี้ เตรียมที่จะบุกเข้ามาทวงถามความคืบหน้าจากรัฐบาล อยากเตือนว่าคนจะเลือกกินปูสดเท่านั้น แต่เมื่อไหร่ปูเน่านอกจากไม่มีคนกินแล้วจะถูกโยนทิ้งด้วย หากรัฐบาลไม่ปรับเปลี่ยนแนวทางก็ไม่แตกต่างอะไรจากปูเน่าที่ประชาชนจะโยนทิ้ง” นายชวนนท์กล่าว