xs
xsm
sm
md
lg

“โกวิท” ยันรับมือก่อวินาศกรรมได้ ปัดไทยไม่ใช่เป้าหมาย ติงมะกันปูดข่าวโดยพลการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ
รัฐบาลตั้งโต๊ะ แจงกรณีก่อวินาศกรรม “โกวิท” ควง “ยุทธศักดิ์” หนีบ “สุรพงษ์” แถลงข่าวยันติดตามข่าวทางลับต่อเนื่อง มั่นใจรักษาความสงบได้แน่นอน “ปึ้ง” ย้ำ ผิดหวังท่าทีสหรัฐฯ สั่งทูตไทยแจงเรียกความเชื่อมั่น “บิ๊กอ๊อด” โอ่รู้ความเคลื่อนไหวผู้ก่อการร้ายทุกฝีก้าว ยันไทยไม่ใช่เป้าหมายก่อวินาศกรรม


วันนี้ (15 ม.ค.) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง พร้อมด้วย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม และ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ร่วมกันแถลงกรณีที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์เตือนประชาชนของประเทศตนเองให้ระมัดระวังการก่อวินาศกรรมในประเทศไทย

โดย พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า หน่วยงานด้านความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำงานติดตามมาโดยตลอดทุกระยะ และทางราชการไม่จำเป็นจะต้องบอกกล่าวว่าช่วงเวลาใดมีบุคคลต้องสงสัยเดินทางเข้า-ออกประเทศ เพราะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่จะต้องติดตามดูแลพฤติกรรมต่างๆ จึงขอย้ำว่า ฝ่ายรัฐบาล ผู้รับผิดชอบ จะดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง

“ขอยืนยันว่า รัฐบาลจะดูแลความปลอดภัยพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ความสงบทุกอย่างไม่ต้องเป็นกังวล เราจะร่วมมือกันทำงานให้เต็มที่และถ้าสื่อมวลชนช่วยทำความเข้าใจก็จะเกิดความสงบเรียบร้อยโดยเร็ว ทัวร์ต่างๆ ก็จะเข้ามาเหมือนเดิม” พล.ต.อ.โกวิท กล่าว

ด้าน นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขอปฏิเสธกรณีที่มีข่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ จะเชิญเอกอัครทูตประเทศต่างๆ ที่ออกแถลงการณ์เตือนมาพบนั้น ไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ จากการสำรวจเว็บไซต์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศ ตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.55 ภายหลังจากสถานทูตสหรัฐฯออกแถลงการณ์เตือนไปแล้วนั้น ตอนนี้มีทั้งหมด 14 ประเทศด้วยกันที่ประกาศเตือนภัยให้กับประชาชนของประเทศตนเอง โดยประกอบด้วย ประเทศเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ อิสราเอล จีน และ ไต้หวัน ที่ไม่ได้อ้างอิงแถลงการณ์ของสหรัฐฯ นอกจากนั้นประเทศต่างๆ จะอ้างอิงตามประกาศของสหรัฐฯทั้งสิ้น ทั้งนี้ นายกฯ และ ครม.มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ จึงให้ พล.ต.อ.โกวิท พล.อ.ยุทธศักดิ์ และตน มาแถลงข่าว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นฝ่ายความมั่นคงได้ดูแลเหตุการณ์ต่างๆ ทางกระทรวงกลาโหมก็ดูแลปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อยู่เช่นเดียวกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดูแลตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้ประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวเกิดความสบายใจเรื่องเหตุการณ์ร้ายเราได้มีการป้องกันไว้แล้ว

รมว.ต่างประเทศ กล่าวด้วยว่า กระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งให้เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศต่างๆ ได้ไปชี้แจงกับประเทศเหล่านั้นให้เข้าใจถึงสถานการณ์ โดยจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 16 ม.ค.ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนได้บอกไปแล้วว่ารู้สึกผิดหวังต่อกรณีที่เกิดขึ้น เนื่องจากทางสถานทูตสหรัฐฯไม่ได้หารือกับกระทรวงการต่างประเทศเลย และขอยืนยันว่า ตนไม่เคยบอกว่าจะเชิญทูตประเทศต่างๆ เข้ามาตำหนิ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญมากที่เราจะต้องรักษา

“วันนี้ผลกระทบที่ตาม คือ ทัวร์ของประเทศต่างๆ ได้ยกเลิกการมาเที่ยวประเทศไทย โดยเราเป็นห่วงเรื่องนี้มาก เพราะประเทศเราตอนนี้มีคนต่างชาติมาเที่ยวจำนวนมาก ฉะนั้น ผมจึงต้องรีบให้เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศต่างๆ นำข้อเท็จจริงไปสู่ประเทศเหล่านั้นให้เข้าใจสถานการณ์” รมว.ต่างประเทศ กล่าว

ขณะที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เริ่มมีการเคลื่อนไหวกันตั้งแต่ 18 ธ.ค.54 โดยเราได้รับรายงานจากฝ่ายการข่าวของอิสราเอล ที่เรียกว่า หน่วยงานโมซาด (MOSSAD) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สามารถติดตามข่าวต่างๆ ได้อย่างแน่นอน และประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจสันติบาล หน่วยรักษาความปลอดภัย และหน่วยการข่าวของกองทัพ ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เรารู้อยู่แล้ว กำลังติดตามอยู่แล้ว การที่เราติดตามอยู่ตลอดเวลา เราไม่ได้เข้าไปจับกุม เพราะถ้ายังไม่ปรากฏความผิด เอาตัวไปก็ไม่ได้อะไร ฉะนั้น เราก็รอให้มันมีสัญชาตญาณ หรือสัญญาณที่จะเกิดความผิดเสียก่อน และเราก็ตกลงกับทางอิสราเอล และสหรัฐฯ ที่เป็นฝ่ายข่าวในประเทศไทย ว่า เรื่องนี้เราจะดำเนินการด้วยความเงียบสงบ ไม่ต้องแพร่งพราย เพราะเราไม่ต้องการให้มีข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศไทย หรือ กทม.เพราะจะทำให้ประชาชนตกใจ มีความกังวลโดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทบกับการท่องเที่ยวอย่างมาก เราได้ติดตามตลอดเวลา

“ทีนี้พอมีข่าวว่าการดำเนินการจะเริ่มภายในวันที่ 13-15 ม.ค.ผมคิดว่ามันเป็นการตกใจของสหรัฐฯ เป็นผู้เปิดเรื่องนี้ขึ้นมาเพียงประเทศเดียว ฉะนั้น การเปิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ทำให้ประเทศไทยในฐานะที่ดำเนินการข่าวลับอยู่แล้วมีความไม่สบายใจ แต่ขอยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ใช่เป้าหมายของการก่อการร้าย แต่การที่ผู้ก่อการร้ายมาใช้พื้นที่ใน กทม.ดำเนินการ เพราะว่าประเทศไทยมีความสงบมาก เรียกว่า Soft Target เป็นเป้าหมายที่อ่อนนุ่ม ที่ผู้ก่อการร้ายและผู้ที่นำผู้ก่อการร้ายมาเคลื่อนไหว ดังนั้น เราจะเห็นว่าจุดหมายที่มันเกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับทุกจังหวัดในประเทศไทยเลย เกี่ยวกับจังหวัดเดียวเท่านั้น คือ กทม.และบางจุดเท่านั้นที่เป็นที่ชุมนุมของชาวอิสราเอล และสหรัฐฯ ตัวอย่างเช่น ถนนข้าวสาร ที่มีชาวอิสราเอลอยู่มากที่สุดใน กทม.ซึ่งก็เป็นห่วงว่าคนไทยเราจะไม่สบายใจ ชาวต่างชาติที่จะมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ก็ขอให้สบายใจได้ว่าสถานการณ์ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่เราทุกคน และบุคคลที่เข้ามาก่อการร้ายได้ออกไปหมดแล้ว” พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว

รมว.กลาโหม กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับประเทศไทย กระทบกระเทือนต่อการท่องเที่ยว ทางกระทรวงกลาโหม ได้ให้สำนักนโนบายและแผนกลาโหม ติดต่อขอคุยกับผู้ช่วยเอกอัครราชทูต ทหาร ของสหรัฐฯ ว่า ครั้งหน้าหากจะมีเหตุการณ์อะไรแบบนี้อีก หากเกิดอะไรขึ้นมาขอให้มันรัดกุมมากขึ้นกว่านี้ ขอให้คุยกันเสียก่อน เห็นใจประเทศไทยบ้าง เพราะว่ามันกระทบต่อเศรษฐกิจของชาติด้วย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องความมั่นคงอย่างเดียวเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา มีการแจ้งเตือนว่า กลุ่มผู้ก่อการร้ายจะเข้ามาในประเทศไทยกี่คน รมว.กลาโหม กล่าวว่า แจ้งมา 2 คน แต่ต่อมาแจ้งเพิ่มว่าอาจเข้ามาอีก 4-5 คน แต่ไทยติดตาม 2 คน และจับกุมได้ 1 คน เพราะใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย และยอมรับสารภาพว่า ตั้งใจมาทำงานนี้ แต่ทำไม่ได้แล้ว เพราะถูกเปิดเผยแล้ว แต่อีกหนึ่งคนนั้นออกไปแล้วโดยไม่ต้องกังวล ส่วนคนที่โดนจับกุมตอนนี้ได้ส่งไปประเทศอื่นแล้ว และไม่ทราบว่าไปไหน อาจกลับไปอิสราเอล หรือสหรัฐฯ เพราะบางประเทศอาจขอตัวไป เพราะมีพันธะทางกฎหมาย ซึ่งตนพูดอะไรเพิ่มไม่ได้แล้ว เพราะไม่รู้กฎหมายด้านนี้ เมื่อถามว่า มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ รมว.กลาโหม กล่าวว่า มาแก้แค้นเพราะกลุ่มนี้ประกาศว่าจะต้องแก้แค้นอิสราเอลให้ถึงที่สุดเพราะเมื่อปี 2551 อิสราเอลฆ่าบุคลากรระดับหัวหน้าของกลุ่มนี้ที่ประเทศซีเรีย

ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมครม.สัญจรจ.เชียงใหม่ วันนี้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ รายงาน ครม.ถึงสถานการณ์ข่าวการจับกุมชายชาวเลบานอน สัญชาติสวีเดน ที่อ้างกันว่า เป็นสมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่จะเข้ามาก่อการร้ายในประเทศไทย ว่า ข่าวนี้เกิดขึ้นจากรายงานข่าวเเจ้งเตือนทางเว็บไซต์ของสถานทูตสหรัฐอเมริกา เมื่อสื่อมวลชนเห็นข่าวนี้จึงมาสอบถาม เเต่สื่อบางสำนักกลับเข้าใจคลาดเคลื่อน ทำให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จากนี้ไปกระทรวงการต่างประเทศ รมว.กลาโหม สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ และ สภาความมั่นคงเเห่งชาติประชุมกัน เเละกำหนดทิศทางสื่อสารอย่างเป็นทางการ รวมทั้งมอบให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ แถลงข่าวนี้อีกครั้งในวันที่ 16 ม.ค.

เพื่อเเสดงถึงความเชื่อมั่นเเละเป็นหลักประกันให้ประชาชนทราบว่า ประเทศไทยมีความปลอดภัยกับนักท่องเที่ยว เเละผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย เเม้ที่ผ่านมา จะมอบให้ สตช.เเถลงข่าวนี้เเล้ว เเต่เพื่อเรียกความเชื่่อมั่นที่เพิ่มขึ้นกับประชาชน ที่ผ่านมา รัฐบาลทำงานด้านนี้ได้ผลดี เห็นได้จากในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เพราะหลายปีที่ผ่านมามักมีเหตุวุ่นวาย เเต่ปีนี้มีการบูรณาการการทำงานของ สตช.กลาโหม เเละ สมช.เเต่วันนี้ก็ยังทำงานเเบบเข้มข้นอยู่ เเละขอเน้นย้ำให้ทุกหน่วยพร้อมปฏิบัติการรวมทั้งขอให้กระทรวงการต่างประเทศเเถลงข่าวนี้ให้นานาชาติเข้าใจด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น