ตร.แถลงคุมตัวและสอบปากคำผู้ต้องสงสัยชาวตะวันออกกลาง ตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง เหตุสถานทูตอเมริกาแจ้งเตือน พร้อมโชว์ภาพสเกตช์ผู้ต้องสงสัยอีก 1 ราย คาดกลุ่มเดียวกันโผล่พื้นที่ล่อแหลม 3 แห่ง ถนนข้าวสาร ซอยรามบุตรี และ สุขุมวิท 22 ไม่มั่นใจเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ หากพบเห็นแจ้งเบาะแสได้ทันที
วานนี้ (14 ม.ค.) เมื่อเวลา 23.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร.และ พ.ต.อ.ปรีดา สถาวร โฆษก บช.น.ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้ากรณีสถานทูตอเมริกาได้ออกแถลงการณ์ เตือนให้นักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอเมริกาที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ระวังอาจจะมีเหตุการณ์ก่อการร้ายเกิดขึ้น ในพื้นที่ของ กทม.
พล.ต.ต.ปิยะ เปิดเผยว่า หน่วยงานความมั่นคงของประเทศไทย พบข้อมูลบุคคลต้องสงสัยชาวต่างชาติ เข้ามาก่อวินาศกรรมภายในราชอาณาจักร โดยเชิญตัวผู้ต้องสงสัย 1 ราย ซึ่งกำลังจะออกนอกประเทศ พบผู้ต้องสงสัยมีรูปพรรณสัณฐาน ตรงกับข่าวว่าอาจจะมาก่อเหตุในประเทศไทย เพื่อมาสอบปากคำและซักถาม ตามพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง มาตรา 12 อนุ 7 ขณะนี้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยสอบปากคำอยู่ที่กองกำกับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 บก.สปพ.และทราบว่า ยังมีผู้ต้องสงสัยหลบหนีไปได้อีก 1 คน
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคง ทั้งในและต่างประเทศ พบข้อมูลว่าจะมีชาวต่างชาติเข้ามาก่อการร้ายในประเทศไทยในช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ 2555 ที่ผ่านมา ถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งผลการปฏิบัติงานแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน พบพฤติกรรมของชาวต่างชาติบางกลุ่มพยายามเข้ามาก่อเหตุจริง ทางตำรวจไทยจึงได้มีการเชิญตัวผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวตะวันออกกลางดังกล่าว มาสอบสวนยังสถานที่ปลอดภัย ระหว่างที่กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ
นอกจากนี้ โฆษก ตร.ได้นำภาพสเกตช์ผู้ต้องสงสัยอีกหนึ่งราย ที่ยังไม่ได้เชิญตัวมาสอบปากคำ โดยระบุเป็นชายชาวตะวันออกกลาง อายุระหว่าง 30-40 ปี สูงประมาณ 180 เซนติเมตร เดินทางเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ก่อนถึงเทศกาลปีใหม่ 2555 ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องสงสัยได้เคยไปปรากฏตัวในพื้นที่มีความล่อแหลมจำนวน 3 แห่ง คือ 1.ถนนตรอกข้าวสาร 2.ซอยรามบุตรี และ 3.ซอยสุขุมวิท 22 นอกจากพื้นที่เฝ้าระวัง 3 แห่งแล้ว ยังมีสถานที่เฝ้าระวังอีก เช่น สถานที่ที่มีการรวมตัวของชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก ตลอดจนบ้านพักอาศัยที่มีชาวต่างชาติไปอาศัยอยู่ หากพี่น้องประชาชนพบพฤติกรรมต้องสงสัย ประเภทมีรถถูกจอดทิ้งไว้เป็นเวลานาน หรือมีชาวต่างชาติเข้าออกบ้านใดพลุกพล่านผิดปกติ ก็ขอให้แจ้งเบาะแสมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที และหากพบเห็นชายตามภาพสเกตช์นี้ ขอให้แจ้งตำรวจได้ที่เบอร์ 191 ตลอด 24 ชั่วโมง ทันทีเช่นกัน
“ผมขอยืนยันในนามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ตำรวจทุกภาคส่วนไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเฉพาะท่าน ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ตำรวจหลายๆ หน่วย ทั้งตำรวจท่องเที่ยว คอมมานโดกองปราบปราม ตำรวจสันติบาล และตำรวจสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 สนธิกำลังกันลงพื้นที่ตรวจตราในกรุงเทพมหานครแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการประสานให้ตำรวจในพื้นที่คาบเกี่ยวทั้ง บช.ภ.1, บช.ภ.2 และ บช.ภ.7 ปฏิบัติการแบบเดียวกัน ซึ่งมาตรการต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงการป้องกันการก่อเหตุของบุคคลต้องสงสัยเท่านั้น ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้ตระหนกตกใจ และใช้ชีวิตประจำวันไปตามปกติ และขออย่าได้รำคาญหากช่วงนี้พบด่านตรวจมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีสถานทูต หรือสถานที่ราชการสำคัญตั้งอยู่ เพราะตำรวจจะเน้นการปฏิบัติงานในช่วงนี้มากเป็นพิเศษ และตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้จะยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ แต่น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน ทั้งนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยแล้ว และเป็นที่น่าพอใจในมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ได้ดำเนินอยู่ในขณะนี้” พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
สืบเนื่องจากวานนี้ (13 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์สถานทูตเอกอัครราชสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย แจ้งข่าวด่วนถึงชาวอเมริกันในประเทศไทย ขอให้เฝ้าระวังภัยอันตรายที่อาจเกิดจากการโจมตีของพวกก่อการร้าย ลงวันที่ 13 ม.ค.2555 ระบุว่า ข่าวนี้แจ้งเตือนให้ชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ทราบว่า มีกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติอาจกำลังมองหาเป้าหมายเพื่อปฏิบัติการโจมตีแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเทพฯในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้น ชาวอเมริกันทุกคนจึงขอให้ระวังตัวเมื่อต้องเดินทางไปตามสถานที่สาธารณะ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวของชาติตะวันตกรวมตัวอยู่กันเป็นจำนวนมากในกรุงเทพฯ
ในคำเตือน ระบุต่อไปว่า ขอให้ชาวอเมริกันตื่นตัวเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ต้องระวังกระเป๋าหรือสิ่งของที่มีคนนำมาทิ้งไว้ในที่สาธารณะ สถานที่ที่มีผู้คนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก และหากพบพฤติกรรมผิดสังเกต ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ในทันที ขอให้ชาวอเมริกันเก็บตัวเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ โดยเฉพาะจุดที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางเข้าไปมากที่สุด
ต่อมา พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.กองกำกับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 นำกำลังเข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ชาวเลบานอน สมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งถือพาสปอร์ต 2 เล่มและเชิญตัวมาสอบปากคำและซักถาม และจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานความมั่นคงจากหลายประเทศ ทำให้ทราบว่ายังมีผู้ต้องสงสัยชาวตะวันออกกลาง อีก 1 ราย ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ตั้งแต่ก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา คาดว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน และไม่มั่นใจว่าขณะนี้ยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่
ขณะที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ หรือ ฮิซบุลลอฮ์ หรือ ฮิซบอลลาห์ นั้นเป็นองค์กรและพรรคการเมืองของชาวมุสลิมชีอะฮ์ในเลบานอน ซึ่งมีกองทัพของตนเอง ก่อตั้งในปี ค.ศ.1982 อันเป็นปีที่อิสราเอล บุกรุกเลบานอน โดยมีจุดประสงค์เพื่อขับไล่กองทัพอิสราเอลที่ยึดครองเลบานอน เลขาธิการใหญ่ของพรรคฮิซบุลลอฮ์ คือ ซัยยิด ฮะซัน นัศรุลลอหฺ ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกา และอิสราเอล ระบุว่า กลุ่มฮิซบุลลอฮ์ได้รับความช่วยเหลือทางด้านการเงินและการเมือง รวมทั้งด้านอาวุธและการฝึกฝนจากอิหร่าน และ ซีเรีย
ต่อมา กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ถูกรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลอิสราเอล ขึ้นบัญชีดำว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายไม่ต่างจากกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์ แม้ว่า ฮิซบุลลอฮ์จะมีสถานะอันชอบธรรมถึงขั้นสามารถส่งตัวแทนลงเลือกตั้ง โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เชื่อว่า กลุ่มฮิซบุลลอฮ์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจับตัวประกันชาวอเมริกันหลายต่อหลายครั้ง ปัจจุบันนี้กองทัพของฮิซบุลลอฮ์มีศักยภาพเหนือกว่ากองทัพของประเทศเลบานอน