ผู้บัญชาการทหารบก ประธานวันสถาปนากรมกิจการพลเรือน ทบ.ชี้ ความรับผิดชอบบ้านเมืองต้องอาศัยทุกฝ่ายร่วมมือ ชู สถาบันนำพาชาติสู่ปัจจุบัน ฝากกองทัพระลึกเป็นของประชาชน ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้าน มทภ.1 ค้านแก้ ม.112 ชี้สถาบันต้องได้รับความคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชน
วันนี้ (13 ม.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในวันสถาปนากรมกิจการพลเรือนกองทัพบก พร้อมทั้งมอบโล่ให้กับหน่วยงาน องค์กร ภาครัฐ และเอกชนที่ให้ความร่วมมือกับกองทัพบกในการช่วยประชาชนในช่วงที่ผ่านมา ว่า กองทัพบกมีภารกิจหลายประการ คือ การป้องกันชายแดน การดูแลความสงบเรียบร้อย การรักษาความมั่นคงภายใน การพัฒนาประเทศ ปัจจุบันกองทัพบกได้เข้าไปในทุกๆเรื่อง ซึ่งความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมืองนั้น คงไม่ใช่เฉพาะแต่เจ้าหน้าที่เพียงอย่างเดียว ต้องอาศัยความร่วมมือทั้งในส่วนของภาครัฐ ประชาชน เอกชน ส่วนราชการ ซึ่งความมั่นคงในปัจจุบันมีหลายมิติด้วยกัน และกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นในโซเชียลมีเดีย สื่อไร้พรหมแดน การแพร่กระจ่ายข่าวสาร ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือทุกภาคส่วนในการที่จะแก้ปัญหาเรื่องความมั่นคงให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเทศไทยค่อนข้างที่จะมีความล่อแหลม เพราะเราอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศที่สำคัญ เป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางอาเซียน และมีความเจริญกว่าประเทศรอบๆบ้าน สิ่งหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยชาติมาถึงทุกวันนี้ได้ ก็คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ จนเป็นที่รู้จักของสังคมโลก ก็ด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ที่นำพาบ้านเมืองมาจนถึงทุกวันนี้ และพวกเราทุกคนในฐานะที่เป็นลูกหลาน ประชาชากร ก็ได้ช่วยกันสร้างสรรค์ จรรโลงประเทศไทย และเมื่อไหร่ก็ตามที่ประเทศชาติมีความไม่มั่นคง ไม่ปลอดภัย ถ้าเราร่วมมือกันก็จะแก้ปัญหาไปด้วยดี วันนี้ตนถือว่าประเทศไทยยังสามารถเดินไปข้างหน้าได้ อย่างไรก็ตาม เราขอสัญญาว่าจะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ประเทศชาติก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมๆกันในด้านของความมั่นคง ขอฝากกองทัพไว้ด้วย ให้ระลึกอยู่เสมอว่ากองทัพเป็นของประชาชน และมีหน้าที่ปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้ปลอดภัยเป็นหน้าที่โดยตรง และเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องทำให้ประเทศชาติปลอดภัย เราจะไม่ทอดทิ้งกันพร้อมทั้งก้าวเดินไปพร้อมกันเพื่อความมั่นคง ทั้งนี้กองทัพบกพร้อมสนับสนุนหากต้องการให้เราไปช่วยเหลือ ดูแลด้านความมั่นคง และจะทำให้ดีที่สุด ในฐานะที่เราเป็นภาคีสัญญาใจด้วยกัน
ด้าน พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มนิติราษฎร์จะล่ารายชื่อ เพื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาม.112 ในวันที่ 15 ม.ค.นี้ ว่า สถาบันจำเป็นต้องได้รับการคุ้มครอง ดูแล สิ่งที่มีอยู่แล้วเป็นความจำเป็นเพราะประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา สถาบันพระมหากษัตริย์ ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง และท่านทรงมีคุณูปการต่อประเทศชาติ สร้างความมั่นคงให้ประเทศมาตั้งแต่อดีตกาล หมายความว่า สถาบันมีความจำเป็นต้องได้รับการดูแล มาตราที่มีอยู่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความมั่นคง คือ สนับสนุนเรื่องความมั่นคงด้วย อีกทั้งตนเห็นว่า ส่วนนี้เป็นกฎหมายที่ไม่ได้ขัดต่อสิทธิมนุษยชนแต่เป็นกฎหมายที่เสริมสร้าง และคุ้มครอง สอดคล้องกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนด้วยซ้ำ เพราะต้องยอมรับว่า สถาบันไม่สามารถโต้ตอบหรือชี้แจงอะไรได้ เพราะท่านอยู่เหนือสิ่งต่างๆเหล่านี้ ดังนั้นสถาบันย่อมมีสิทธิ์ที่จะได้รับความคุ้มครอง กฎหมายนี้จึงเป็นกฎหมายที่สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน ส่วนรายละเอียด ตนไม่ขอออกความเห็น แต่เห็นว่า ม.112 ที่มีอยู่เหมาะสมจะต้องมีต่อไป เพราะมีความจำเป็นที่จะต้องดูแลสถาบัน