ม็อบคนกันเอง จี้จุดอ่อนรัฐบาล

สะเก็ดไฟ

แล้วในที่สุด เครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ก็รวมตัวปิดถนนประท้วงรัฐบาลตามที่ขู่ไว้ตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2554 ที่ผ่านมา

การประท้วงของกากี่นั้ง คนกันเองครั้งนี้เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกมติครม.เมื่อวันที่ 4 ต.ค.54 ที่ให้มีการปรับขึ้นราคาแก๊ส LPG และก๊าซ NGV พร้อมทั้งเรียกร้องให้เพิ่มจำนวนการให้การบริการให้เพียงพอทั้งปริมาณและคุณภาพของก๊าซ NGV

ยื่นคำขาดว่า หากมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นราคา ต้องให้มีตัวแทนที่ได้รับผลกระทบเข้าไปมีส่วนร่วมในการพิจารณาทุกครั้ง!!

“รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ได้ตัดสินใจให้มีการปรับขึ้นราคาก๊าซตั้งแต่ 16 ม.ค.ปี 2555 เป็นต้นไป โดยขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ จนถึงสิ้นปีก็สิริรวม 6 บาท ขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไประแวดระวังผลกระทบที่จะตามมา

แต่กระนั้นเมื่อบอกว่าจะขึ้นราคา ความรู้สึกของคนมันไปแล้ว โดยเฉพาะคนหาเช้ากินค่ำ ขับแท็กซี่ สามล้อ เลยเถิดถึงขั้นจะขอขึ้นราคามิเตอร์สแตนดาร์ดจาก 35 บาท เป็น 50 บาทเลยทีเดียว พร้อมทั้งขู่หยุดวิ่ง ปิดถนน สารพัด หากรัฐบาลยังดึงดันทำตามแนวนโยบายที่ระบุไว้

เริ่มต้นศักราชปีใหม่ก็ลุยทันที ตัวแทนแท็กซี่ บุกทำเนียบปิดถนนฉะแหลก

บอกที่ผ่านมา ปตท.มีผลกำไรสูงอยู่แล้ว ไม่ควรมารีดเลือดกับปู สหกรณ์แท็กซี่ต่างๆส่วนใหญ่ให้การสนับสุนนพรรคเพื่อไทย จึงอยากให้นายกฯทบทวนเรื่องนี้โดยด่วน ถ้ายังเพิกเฉยจะปิดถนนให้การจราจรเป็นอัมพาต!!

ร้อนถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องสั่งการให้ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธ์ รมว.พลังงาน ถกหารือเป็นการด่วนเพื่อแก้ปัญหานี้

เบื้องต้นได้ข้อสรุปจนฝ่ายผู้ประท้วงพอใจในระดับหนึ่ง รัฐบาลมอบส่วนลดให้ จนผู้ประท้วงยอมล่าถอยสลายตัวไป แต่รัฐบาลดูเหมือนจะยื้อปัญหาไว้อีก 4 เดือน

ไม่แน่ใจว่าหลังจากแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปได้เปลาะหนึ่ง แล้ว 4 เดือนถัดไปจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยหรือไม่

หากลองไปดูมาตรการต่างๆที่รัฐบาลทำขึ้นมาเพื่อเอื้ออำนวยสิทธิประโยชน์ต่างๆให้คนใช้ก๊าซ หรือแม้แต่เกษตรกร ชาวรากหญ้า เช่นเรื่องบัตรเครดิตพลังงาน บัตรเครดิตชาวนา ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจยาก ยุ่งเหยิงทั้งสิ้น สิ่งที่รัฐบาลคาดหวังให้เป็นแบบนั้นแบบนี้ มันไม่ได้เป็นตามหวัง กลายเป็นจุดอ่อน

คล้ายกับกรณีคูปองส่วนลดเครื่องใช้ไฟฟ้า 2,000 บาทอย่างไงอย่างงั้น คราวหลังก็ฝากช่วยทำอะไรแบบง่ายๆ เข้าถึงชาวบ้านมากกว่านี้ อย่ามุ่งแต่หาเสียง เอาคะแนนอย่างเดียว

มาตรการด้านพลังงานของรัฐบาลก่อนหน้านี้ก็เกิดเสียงวิจารณ์ หลังได้รับเสียงชื่นชมอย่างเพียงชั่วครู่ชั่วยามสำหรับนโยบายลดราคาน้ำมันเบนซิน และดีเซล ต่อมากลับมีปัญหาหลายอย่าง เกิดผลกระทบกับแก๊สโซฮอล์ และถูกวิจารณ์ว่าไปช่วยเหลือคนมีสตางค์ ไม่ได้ช่วยชาวบ้านรากหญ้าแต่อย่างใด เพราะรถหรูๆ แพงๆ เติมดีเซลทั้งนั้น

มาวันนี้ก็ตัดสินใจเรื่องเสี่ยงที่จะกระทบกับฐานเสียงตัวเอง ทุบหม้อข้าวโดยไม่จำเป็น เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียงง่าย ในสถานภาพที่รัฐบาลยังไม่ไว้วางใจในอำนาจที่มีอยู่ในมือ แต่กลับหาเรื่องมาซ้ำเติมเพิ่มปัญหา

ตอนนี้รัฐบาลต้องยื้อสถานภาพของตัวเองเอาไว้ให้นานที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดในการนำตัวนายใหญ่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคดีอยู่กลับบ้าน แต่กำลังมีปัญหาผุดขึ้นมาสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลปูแดงแรงขึ้นเรื่อยๆ

จึงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า จะ “เอาอยู่” ไปได้นานแค่ไหน?