“สดศรี” ถาม 34 อรหันต์ คอ.นธ.เป็นที่ยอมรับหรือไม่ ชี้ไม่ใช่ตัวแทนประชาชนส่อเกิดปัญหา ออกไอเดียแนะแก้ ม.291 ดึง 77 ส.ว.เลือกตั้งนั่ง ส.ส.ร. ระบุสุดประหยัดงบ ยันเลือกมาก็ไม่ต่างกัน พร้อมคัด 22 นักวิชาการร่วม รวม 99 คนพอดี
วันนี้ (9 ม.ค) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) มีข้อเสนอให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จำนวน 34 คน ว่าตั้งในลักษณะนี้มีคำถามว่าจะเป็นที่ยอมรับได้หรือไม่ และจะมีความเป็นกลางหรือไม่ เพราะเป็นการตั้งมาโดยองค์กรหนึ่งจำนวนเพียง 34 คนเท่านั้น ซึ่งการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรมาจากประชาชนและตัวแทนจากนักวิชาการจากรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ ประมาณ 22 คน หากมีแค่ 34 คนที่ไม่ใช่ตัวแทนจากประชาชนก็จะทำให้เกิดปัญหาได้ ทั้งนี้ ส่วนตัวยังเห็นว่าควรมีการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมา หากต้องการประหยัดงบประมาณก็สามารถใช้ ส.ว.เลือกตั้งซึ่งก็เป็นตัวแทนภาคประชาชนที่มีจำนวน 77 คน ในการยกร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ได้
“สิ่งที่ควรจะทำในการแก้รัฐธรรมนูญ คือ ให้ประชาชนเข้าใจว่าแก้ไปเพื่ออะไร ตัวผู้แก้ไขฯ ไม่ควรที่จะมาจากตัวแทนกลุ่มการเมือง เพราะเมื่อครั้งการร่างรัฐธรรมนูญ 50 ก็มีการใช้สมัชชาแห่งชาติจำนวน 2,000 คน แล้วคัดเลือกตัวแทนแต่ละสาขาอาชีพมาเป็น ส.ส.ร. ซึ่งถือเป็นเรื่องดี โดยถ้ามีการเลือก ส.ส.ร.แต่ละจังหวัดใหม่ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ก็จะเป็นของพรรคเพื่อไทย และภาคใต้ก็เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ คงก็ไม่อะไรที่แตกต่างจากการ ส.ว.เลือกตั้ง 77 จังหวัดในปัจจุบัน ที่แม้กฎหมายจะห้าม ส.ว.สังกัดพรรคการเมือง แต่ก็พอมองดูออกว่าคนไหนเป็นคนของสังกัดพรรคใด เป็นธรรมดาของระบบการเมืองใช้วิธีนี้ก็จะประหยัดงบดี โดยใช้วิธีแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 291 ให้อำนาจ ส.ว.เลือกตั้งเป็น ส.ส.ร.ด้วย จากนั้นก็คัดเลือกนักวิชาการ 22 คนเข้าไปร่วม รวมเป็น ส.ส.ร.99 คน แต่ถ้าเป็นคณะกรรมการ 34 คนอย่างที่ คอ.นธ.เสนอ แม้จะมาจากกลุ่มที่มีความขัดแย้งต่างๆ แต่ก็เชื่อว่าไม่สามารถลดหรือยุติความขัดแย้งได้ เห็นได้ว่าจากการเสนอรายชื่อผู้ที่จะเข้ามาเป็นกรรมการฯ ยกร่าง ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อก็ออกมาปฏิเสธ แสดงว่าการตั้งคณะกรรมการชุดนี้ก็ไม่มีผลอะไร แล้วถ้ามาร่วมกันทำหน้าที่ในคณะกรรมการ การทำให้ยอมรับซึ่งกันและกันก็เป็นไปได้ยากมาก” นางสดศรีกล่าว