xs
xsm
sm
md
lg

ปล้นเงินไพร่อ้าง “เบื้องสูง”! รัฐถังแตกสร้างฉากพรางตา

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
“โรงงานผลิตโตโยต้า ฮอนด้าเสียหาย เราคือแหล่งการผลิตของโลก ผมจะต้องรีบบินไปสร้างความเชื่อมั่นให้กับญี่ปุ่น!”

เป็นคำประกาศของ วีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศไทย หรือ กยอ. ในวันรับตำแหน่ง ร่วมกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงออกจอเมื่อวันที่ 8 พ.ย.54 หวังเรียกความเชื่อมั่นหลัง 7 นิคมอุตสาหกรรมจมน้ำ ประชาชนกว่า 50 จังหวัดในประเทศไทยต้องใช้ชีวิตอยู่ใต้บาดาล

ลองดูว่าผ่านมาเกือบสองเดือนนักลงทุนญี่ปุ่นเขามีความเชื่อมั่นในฝีมือของ “โกร่งต้มยำกุ้ง” หรือไม่

5 มกราคม 2555 ผู้บริหารบริษัทฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประสานเสียงคีย์เดียวกันกับผู้บริหารบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ เอเชียแปซิฟิกเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง รุมจวกรัฐบาลมีแต่ราคาคุยขาดความชัดเจนในการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งที่มีมติครม.วันที่ 29 พ.ย.54 ให้ยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วน

แต่ผ่านมากว่า 1 เดือนกลับไม่มีการประกาศจากกระทรวงการคลังเรื่องการยกเว้นภาษีที่ชัดเจนออกมารองรับมติ ครม.ดังกล่าว ทำให้ทั้งสองบริษัทยังมิได้รับประโยชน์ใดๆ จากมาตรการของรัฐบาลในการเยียวยาหลังได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเลยแม้แต่น้อย

ยิ่งฟังผู้บริหาร “โตชิบา” ที่เหลืออดกับความไม่เอาไหนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จนถึงกับวิจารณ์ตรงๆ ว่า

“ผมหงุดหงิดมาก รัฐเที่ยวได้พูดว่าช่วยแล้วเพื่อที่จะรักษาภาพพจน์ แต่ทางกลับกันเป็นการพูดก่อนแล้วแก้ทีหลัง พูดแต่ลมปาก ส่วนแผนการป้องกันน้ำท่วมที่รัฐบาลประกาศก็ยังงงว่าจะทำอะไร อย่างไรแน่ ผมมองว่าทำอะไรก็ได้ที่เป็นรูปธรรมออกมาไม่ใช่แค่พูด นอกจากนี้การแจกคูปอง 2,000 บาท ในการซื้อสินค้าเบอร์ 5 นั้น เป็นการใช้เงินละลายแม่น้ำ”

ถ้าไม่เลวร้ายอย่างสุดขั้วเชื่อเถอะว่า ไม่มีเอกชนหน้าไหนกล้าชนกับรัฐบาลจังๆ ขนาดนี้ แต่นี่มันต้องย่ำแย่จนถึงขีดสุดจริงๆ ณัฐพล อารีกุล รองประธานและกรรมการบริษัท โตชิบา ประเทศไทย จำกัด ถึงได้อัดซะเต็มข้อ

ลองคิดว่าแค่มาตรการด้านภาษีที่สามารถทำได้ทันที ไม่ต้องกู้เงินมาบริหารโครงการรัฐบาลยังทำไม่ได้ แล้วคนไทยจะไว้วางใจให้ ครม.ตีเช็คเปล่าขอกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทไปให้ “วีรพงษ์” ถลุงเล่นภายใต้ข้ออ้างเพื่อฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศไทยได้อย่างไร

ยุทธศาสตร์แรกการแก้ปัญหาเร่งด่วน (Rescue) ที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นประธานดูแลประชาชนในกรอบสามเดือนเรื่องการเยียวยาประชาชนหลังน้ำลด ผ่านมาเกือบสองเดือนแม้แต่คนกรุงในหลายพื้นที่ยังไม่ได้แม้แต่เงินเยียวยา 5 พันบาท หนำซ้ำยังเห็นการทุจริตถุงยังชีพที่ยิ่งคุ้ยยิ่งชัดว่า

ไม่เพียงซื้อแพงแต่เลวทรามถึงขั้นไม่จัดซื้อจริง เอาถุงลมมางาบงบบนความทุกข์ยากและคราบน้ำตาของประชาชน โดยที่ ยิ่งลักษณ์ ไม่ใส่ใจกับปัญหาทุจริตที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาตัวเองแม้แต่น้อย

ที่สำคัญคือมีอีก 5 จังหวัดที่น้ำยังนองอยู่ในหลายพื้นที่ “ยิ่งลักษณ์” รู้หรือไม่ว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี นครปฐม ปทุมธานี และนนทบุรี ยังระทมทุกข์จากอุทกภัยรวม 33 อำเภอ 348 ตำบล 2,460 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 894,645 ครัวเรือน 2,270,017 คน และมีผู้เสียชีวิตสะสมจากอุทกภัยครังนี้ถึง 813 ศพ

อย่าว่าแต่ “นายกฯ นกแก้ว” จะไม่รู้เลย แม้แต่ พล.ต.อ.ประชาก็ไม่ได้ให้ความสนใจ

ข้อมูลนี้คงให้คำตอบกับคนไทยได้ว่า ยุทธศาสตร์ Rescue ที่ให้ พล.ต.อ.ประชา ที่ล้มละลายทางความน่าเชื่อถือจากการบริหาร ศปภ.มาดูแลนั้นทำงานเข้าเป้า หรือล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า

มาถึงยุทธศาสตร์ที่สองคือขั้นตอนฟื้นฟูเยียวยา หรือ Restore มีเป้าหมายเยียวยา ให้เงินช่วยเหลือ เงินกู้หรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งในส่วนของภาคบุคคล ภาคธุรกิจรายย่อยต่างๆ รวมไปถึงการดูแลโครงสร้างพื้นฐานให้กลับมาใช้งานได้ ก็มีคำตอบจากภาคเอกชนที่ชำแหละรัฐบาลดังที่ได้หยิบยกมาในข้างต้นแล้ว

ส่วนระยะยาว หรือ Rebuild เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและนำความมั่งคั่งกลับคืนสู่ประเทศ อันเป็นจุดกำเนิดของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ตามบทบาทหน้าที่ก็ระบุชัดว่าเป็นการเสนอมาตรการแก้ปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืน แต่สิ่งที่ “วีรพงษ์” เสนอหน้ากำหนดทิศทางประเทศขณะนี้กลายเป็นการให้รัฐบาลกู้เร่งด่วนในวงเงิน 3.5 แสนล้านบาทด้วยการออกเป็นพระราชกำหนด แถมยังเตรียมผลักภาระหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับผิดชอบด้วย

จนสังคมยังงงไม่หายว่า เมกะโปรเจกต์อะไรที่จะต้องกู้เงินทันที 3.5 แสนล้านบาทมาใช้ ในขณะที่รัฐบาลยังฟุ่มเฟือยจ่ายเงินสนุกมือกับนโยบายประชานิยมเหมือนประเทศร่ำรวยใช้จ่ายได้ไม่อั้น ทั้งๆ ที่ในข้อเท็จจริง รัฐบาลกำลังท้าทายหลักธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศด้วยการซุกหนี้ไปไว้กับแบงก์ชาติ

แนวทางเช่นนี้หรือที่จะสร้างความเชื่อมั่น และนำความมั่งคั่งกลับคืนสู่ประเทศ?

“ยิ่งลักษณ์” เคยโม้ไว้ว่าแผนทั้งหมดจะเห็นเป็นรูปธรรมปลายปีที่แล้ว จนก้าวข้ามปีเข้าสู่ปี 2555 ก็ยังไม่มีอะไรในกอไผ่ นอกจากการพยายามทุกวิถีทางเสกหนี้ 3.5 แสนล้านให้ประชาชน

อะไรคือตัวบ่งชี้ว่าต้องใช้เงินจำนวนนี้ คงต้องย้อนกลับไปดูท่าทีของ ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่ของ ครม.ทักษิณส่วนหน้า เขาเคยเสนอให้รัฐบาลใช้เนเธอร์แลนด์โมเดลมาแก้ปัญหา และตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำจากประเทศเนเธอร์แลนด์ นายอารคร์ เวอร์เวย์ ก็ร่วมสำรวจพื้นที่กับฝ่ายไทยเพื่อกำหนดโครงการแล้ว เรื่องนี้ รอยล จิตรดอน หนึ่งใน กยน.ซึ่งทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญรายนี้ก็น่าจะให้คำตอบได้

ทำไมไม่พูดให้ชัดเจนไปเลยว่า จะใช้เงินมหาศาลตามโครงการที่ “ดีลเมกเกอร์อย่างทักษิณ” กำหนดให้ ส่วนจะมีค่านายหน้าจากการทำธุกิจข้ามชาติโดยใช้ทรัพยากรของไทยไปแลก เพื่อเข้ากระเป๋าใครหรือไม่...เป็นเรื่องที่น่าคิด

เพราะลองถึงขนาดผู้เชี่ยวชาญเนเธอแลนด์ลงพื้นที่สำรวจแล้ว ใครจะเป็นเจ้าของโครงการที่สร้างหนี้ให้กับคนไทยก็คงมีความชัดเจนจนไม่ต้องอธิบายเพิ่ม

ที่น่าจับตา คือ โครงการที่จะใช้เงินมหาศาลอาจไม่มีการประมูลอย่างโปร่งใส โดยอ้างความจำเป็นเร่งด่วนเหมือนกับการจะออก พรก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทนั่นแหละ

ส่วนคนรับผิดชอบโครงการก็คงหนีไม่พ้น ศรีสุข จันทรางศุ ผู้มีปัญหาทางด้านธรรมาภิบาล ยังมีเรื่องอื้อฉาวจากการร่วมคิดร่วมทำกับรัฐบาลทักษิณ ซึ่งถูกตั้งข้อกล่าวหาโกงแผ่นดิน จนติดโผร่วมเป็นจำเลยในหลายคดี เพราะวันนี้ “ศรีสุข”มีหน้าที่ดูแลแผนงานด้านวิศวกรรม

คนไทยจะวางใจได้หรือไม่ ว่า “ศรีสุข” จะทำให้เกิดการใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนโดยไม่ตกหล่นไปเข้ากระเป๋าใคร?

ในขณะที่ กยน.ซึ่งมี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นจุดขาย ก็ถูกนำชื่อมาขายจริงๆ เพราะการแถลงข่าวของโฆษกรัฐบาล ระบุชื่อท่านว่าเป็นผู้เสนอของบ 1.7 หมื่นล้านบาท โดยในปี 2555 ใช้งบประมาณจำนวน 12,610 ล้านบาท และปี 2556 อีกจำนวน 4,516 ล้านบาท

น่าประหลาดใจไหมว่า ทำไมโฆษกรัฐบาลไม่บอกว่าเป็นข้อเสนอของ กยน.แต่กลับระบุชื่อ “สุเมธ” อย่างมีนัยยะสำคัญ หรือมันเป็นแผนการ “ปล้นเงินไพร่แอบอ้างเบื้องสุง”

เพราะภาพความใกล้ชิด “เบื้องสูง” ของ “สุเมธ” มีประโยชน์ในการสร้างเกราะกำบังให้กับรัฐบาลในการใช้จ่ายเงินใช่หรือไม่?

ใช้ชีวิตจนใกล้ถึงเวลาให้ดินกลบหน้าแล้ว “สุเมธ” ควรจะได้ตระหนักว่า รัฐบาลกำลังใช้ท่านเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมในการผลาญเงินประเทศหรือไม่

อย่าให้ความเหลวแหลกในการบริหารเศรษฐกิจที่กำลังทำให้ประเทศถังแตก ถูกเชื่อมโยงไปแปดเปื้อนเบื้องสูง

คงไม่มีใครเขาสนใจ ถ้าเงินที่กำลังนำมาใช้จะได้มาด้วยความสามารถในการหารายได้ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มิใช่การปล้นคลังหลวง ขโมยเงินแบงก์ชาติ ผลักภาระให้ประชาชน

“วีรพงษ์” เคยพูดอย่างอหังการ์ในวันแรกที่รับตำแหน่งว่า "เป็นหน้าที่ของผมในการหาเงิน"

ถ้าขีดความสามารถในการหาเงินคือ ผลักหนี้กองทุนฟื้นฟูให้แบงก์ชาติ เพื่อลดปริมาณหนี้สาธารณะ เปิดช่องรัฐบาลกู้เงินเพิ่ม ก็คงต้องบอก “นายกฯ นกแก้ว” ว่า

คนรับใช้ที่พี่ชายส่งมากำลังสร้างหายนะให้กับประเทศ มิใช่สร้างความมั่งคั่งดั่งที่วาดฝันกันกลางอากาศ และหากบ้านเมืองไม่รอดอย่าหวังว่า “ยิ่งลักษณ์” จะรอดในทางการเมือง!
ทักษิณ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น