ASTVผู้จัดการ - “สมเกียรติ อ่อนวิมล” เพิ่งตื่น ปี 55 รณรงค์ให้คนเลิกซื้อ นสพ.มติชน ชี้กรณีมติชนสุดสัปดาห์เลียแข้ง “ทักษิณ” โดยยกให้เป็นบุรุษแห่งปีถือว่ารับไม่ได้ ชี้ไม่ทำการบ้าน-ผิดมาตรฐานสื่อมวลชน ไม่สมควรเสียเงินซื้อต่อไป
วานนี้ (5 ม.ค.) แฟนเพจเฟซบุ๊กของ นายสมเกียรติ อ่อนวิมล สื่อมวลชนอาวุโสและอดีตผู้บริหารบริษัทแปซิฟิคฯ ได้มีเผยแพร่ข้อเขียนเรื่อง ปีใหม่ 2555 หยุดซื้อมติชน โดยมีเนื้อหาแสดงความไม่พอใจต่อความไร้ความเป็นมืออาชีพของเครือมติชนในการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและนักโทษหลบหนีโทษจำคุกในคดีอาญาเป็นเวลา 2 ปี
นายสมเกียรติระบุว่า หลายสิบปีที่ผ่านมา ตนเป็นผู้อุดหนุนหนังสือพิมพ์ในเครือมติชนมาตั้งแต่แรกเริ่ม ทั้งยังเคยเป็นคอลัมนิสต์ให้หนังสือพิมพ์เล่มดังกล่าว โดยแม้หนังสือพิมพ์มติชนจะเป็นกลางหรือเข้าข้างใครก็ไม่เคยที่จะเลิกซื้อ อย่างไรก็ตาม จากกรณี “มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับล่าสุด ฉบับวันที่ 30 ธันวาคม 2554-5 มกราคม 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1637 ที่ ยกย่อง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ให้เป็น “บุรุษแห่งปี” โดยพาดหัวว่า “บุรุษแห่งปี COMING SOON ไม่นานเกินรอ” ทำให้ตนตัดสินใจเลิกรับมติชน
“เรื่องอยู่ในหน้าที่ 7 เนื้อหาสั้นมาก ไม่เต็มหน้า ไม่มีสาระรายละเอียดอะไรเลย กองบรรณาธิการมติชนไม่ทำการบ้าน ไม่ค้นคว้า ไม่มีหลักเกณฑ์ในการทำรายงานเรื่องบุรุษแห่งปีอะไรเลย คิดเอาเอง เขียนเอาเอง ตามจินตนาการของคนเขียน เป็นจินตนาการที่สั้นมากๆ ด้วย
โดยหลักแล้ว การทำเรื่องขึ้นปกนั้น ต้องถือเป็นงานสำคัญ งานใหญ่ ต้องเตรียมงานกันหลายคนหลายวัน อาจนานเป็นเดือน กองบรรณาธิการควรทำงานหนักกว่านี้ ต้องทำงานหนักจริงๆ การมีความเห็นชื่นชมคุณทักษิณก็เป็นสิทธิและเสรีภาพของมติชน ผมไม่มีอะไรขัดข้องในเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าผมจะเห็นด้วยในเนื้อหาสาระหรือไม่ก็ตาม แต่ผมอยากอ่านงานที่มีการค้นคว้าที่ละเอียดลึกซึ้งกว่านี้ อยากรู้ว่าการเป็นบุรุษแห่งปีของคุณทักษิณ ตามมาตรฐานของมติชนนั้นมีอะไรเป็นพิเศษบ้าง แต่ผมก็หาสาระให้คล้อยตามหรือแม้ที่จะให้โต้แย้งก็หาไม่ได้” นายสมเกียรติระบุ และกล่าวต่อว่า
บทความชิ้นดังกล่าวนั้นสั้นมาก ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องปกที่ควรจะมีการค้นคว้า หาข้อมูลมาสนับสนุนมากกว่านี้แต่ก็ไม่มี ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ไม่ได้มาตรฐานของสื่อสารมวลชน ทำให้ตนคิดว่า เงิน 40 บาท สำหรับมติชนสุดสัปดาห์ และ 10 บาท สำหรับมติชนรายวันนั้นไม่คุ้มค่าที่ตนจะอุดหนุนอีกต่อไป
สื่อมวลชนอาวุโส ทิ้งท้ายไว้ว่า ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่เย็นวานนี้ตนได้บอกกับคนส่งหนังสือพิมพ์ที่มาเก็บเงินที่บ้านว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปตนไม่รับหนังสือพิมพ์มติชนอีกต่อไปแล้ว ทำให้ประหยัดเงินไปได้อีกเดือนละ 300 บาท
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2555 เปลว สีเงิน คอลัมนิสต์แห่งหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ก็ได้เขียนบทความในหัวข้อ “โก่งคอขันด้วยนึกว่า “ชนะ” แล้ว!” โดยเหน็บแนม นสพ.มติชน สุดสัปดาห์กรณียกย่องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุรุษแห่งปีว่า จริงๆ ควรพาดหัวให้เป็น “มหาบุรุษแห่งศตวรรษ” ไปเลยดีกว่าตามมาตรฐานของหนังสือพิมพ์ที่ให้ราคาตัวเองว่าเป็นมาตรฐานของประเทศ
ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2551 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เคยรณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันหยุดซื้อ นสพ.ในเครือมติชนมาแล้ว จากกรณีที่ นสพ.มติชนและ นสพ.ข่าวสด บิดเบือนคำให้สัมภาษณ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, บิดเบือนกรณีระบุว่า นายชิงชัย อุดมเจริญกิจ ศิลปินพันธมิตรฯ ถือระเบิดไว้ในมือในวันที่ 7 ต.ค. 51 ทั้งๆ ที่จริงแล้วเป็นล็อคเกตพระ นอกจากนี้ยังมีกรณีการเผยแพร่ข่าวให้ร้าย “น้องโบว์” อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ผู้เสียชีวิตจากระเบิดแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้ร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าควักเนตรพระพรหมที่ทำเนียบรัฐบาลอีกด้วย
ปีใหม่ 2555 หยุดซื้อ มติชน
“มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับวันที่ 30 ธันวาคม 2554 - 5 มกราคม 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1637 เรื่องขึ้นปก ยกย่อง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ให้เป็น “บุรุษแห่งปี” พาดหัวบนหน้าปกว่า :
บุรุษแห่งปี COMING SOON ไม่นานเกินรอ
เรื่องอยู่ในหน้าที่ 7 เนื้อหาสั้นมาก ไม่เต็มหน้า ไม่มีสาระรายละเอียดอะไรเลย
กองบรรณาธิการมติชนไม่ทำการบ้าน ไม่ค้นคว้า ไม่มีหลักเกณฑ์ในการทำรายงานเรื่องบุรุษแห่งปีอะไรเลย คิดเอาเอง เขียนเอาเอง ตามจินตนาการของคนเขียน เป็นจินตนาการที่สั้นมากๆ ด้วย โดยหลักแล้ว การทำเรื่องขึ้นปกนั้น ต้องถือเป็นงานสำคัญ งานใหญ่ ต้องเตรียมงานกันหลายคนหลายวัน อาจนานเป็นเดือน กองบรรณาธิการควรทำงานหนักกว่านี้ ต้องทำงานหนักจริงๆ การมีความเห็นชื่นชมคุณทักษิณก็เป็นสิทธิและเสรีภาพของมติชน ผมไม่มีอะไรขัดข้องในเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าผมจะเห็นด้วยในเนื้อหาสาระหรือไม่ก็ตาม แต่ผมอยากอ่านงานที่มีการค้นคว้าที่ละเอียดลึกซึ้งกว่านี้
อยากรู้ว่าการเป็นบุรุษแห่งปีของคุณทักษิณ ตามมาตรฐานของมติชนนั้นมีอะไรเป็นพิเศษบ้าง แต่ผมก็หาสาระให้คล้อยตามหรือแม้ที่จะให้โต้แย้งก็หาไม่ได้
บทความสั้นมาก จนไม่ควรจะเป็นเรื่องขึ้นปก
หากมติชนมีมาตรฐานงานสื่อสารมวลชนเพียงเท่าที่เห็นนี้ คิดเงินผม 40 บาท สำหรับมติชนสุดสัปดาห์ และ 10 บาท สำหรับรายวัน ก็ไม่สมควรที่ผมจะเสียเงินอุดหนุนมติชนอีกต่อไป
ในช่วงวิกฤตการเมือง 3-5 ปีที่ผ่านมา การทำงานของหนังสือพิมพ์มติชน ทั้งรายวันและรายสัปดาห์ ผมสรุปเป็นความเห็นส่วนตัวว่า คุณภาพงานข่าวสารของมติชนตกต่ำลงมาก ความคิดของกองบรรณาธิการสับสนอลวน แนวทางหลักเอียงไปทางสนับสนุนคุณทักษิณมากโดยไม่แสดงนโยบายการบรรณาธิการให้ผู้อ่านได้รับทราบให้ชัดเจน ไม่แสดงความโปร่งใสต่อสาธารณชนในเรื่องการถือหุ้นจากกลุ่มการเมือง วิกฤติการเมืองภายในองค์กรมติชนเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ละครั้งไม่ได้รับการชี้แจงให้หายกังขา
ผมอ่านมติชนมาตั้งแต่กำเนิดมติชนในปีแรก และซื้ออ่านโดยให้ส่งถึงบ้านทุกเช้าเสมอมาไม่เคยขาด เขียนบทความลงมติชนก็หลายครั้ง มติชนจะลำเอียงไปทางไหนผมไม่เคยถือเป็นเหตุสำคัญ เพราะผมวิเคราะห์ความอิสระหรือความลำเอียงของมติชนได้ ใครถือหุ้นในมติชนเท่าไรอย่างไรผมก็พอมีข้อมูล
ไม่ว่ามติชนจะเป็นกลาง หรือ ลำเอียงไปทางไหน ผมยินดีซื้อมติชนอ่านมาโดยตลอด
แต่พอมาพบความไม่ขยันในการทำงานค้นคว้าหาความจริงจากเรื่องขึ้นปกมติชน สุดสัปดาห์ฉบับล่าสุดนี้ ก็เป็นเสมือนฟางเส้นสุดท้าย ทำให้ผมตัดสินใจเด็ดขาดในวันนี้ว่าจะหยุดซื้อมติชนอ่านจากวันนี้เป็นต้นไป
สาเหตุใหญ่มาจากวามไม่ขยันทำงานค้นหาความจริงของมติชนมากกว่าจุดยืนทางการเมืองของกองบรรณาธิการ
เมื่อเย็นวันนี้คนส่งหนังสือพิมพ์มาเก็บเงินที่บ้านพอดี ผมเลยบอกคนส่งหนังสือพิมพ์ให้ทราบว่า :
จากพรุ่งนี้เช้าเป็นต้นไป ขอไม่เอามติชน (10 บาท) เหลือไว้เพียง “โพสต์ทูเดย์” (15 บาท). ฉบับเดียวพอ. ประหยัดเงินไปเดือนละ 300 บาท!
สมเกียรติ อ่อนวิมล
5 มกราคม 2555