ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องร้ายๆ ตั้งแต่ตอนต้นปีให้เสียอารมณ์และเสียขวัญกันเปล่าๆ แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มจากสถานการณ์ รวมไปถึงเหตุผลทางวิทยาศาสตร์จากบรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างๆ มาประกอบแล้วทำให้มองเห็นภาพได้ชัดเจนว่า ปีนี้ปี 2555 น่าจะหนักหนาสาหัสอีกปีหนึ่ง
เริ่มจากเรื่องภัยธรรมชาติที่บรรดาผู้รู้ระบุว่าในปีนี้ประเทศไทยยังต้องเสี่ยงกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากปี 2554 เป็นเรื่องของ “ลานีญา” ที่เชื่อมโยงมาถึงปี 2555 อีกปีหนึ่ง ทำให้มีโอกาสเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติเลวร้ายซ้ำขึ้นมาอีก
โดยเฉพาะเมื่อเปิดมาต้นปีใหม่ ภาคใต้ก็เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ดินโคลนถล่ม ขณะที่พื้นที่ติดชายฝั่งอ่าวไทยก็เกิดคลื่นขนาดใหญ่สูง 3-4 เมตร สร้างความเสียหาย จนต้องอพยพกันวุ่นวาย พื้นที่อยู่อาศัยมาแต่เดิมก็ถูกคลื่นซัดพัดพัง ส่วนที่อยู่ริมแม่น้ำ เชิงเขาก็ต้องเคลื่อนย้ายหาที่อยู่ใหม่
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงเรื่องแผ่นดินไหวตามมาอีก แม้ว่าไม่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเรื่องดังกล่าว แต่สังเกตหรือไม่ว่าในรอบสองสามปีที่ผ่านมาได้เกิดเหตุขึ้นมาถี่ยิบขึ้นเรื่อยๆ และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จากเดิมที่เกิดขึ้นในกลางป่าเขาห่างไกล ก็เริ่มประชิดเมืองเข้ามามากขึ้น จนอดหวั่นไหวไม่ได้ และที่บอกว่าอย่าได้หวั่นไหวตระหนกตกใจ เพราะโอกาสเกิดขึ้นในบ้านเราน้อย นั่นแหละยิ่งพูดก็ยิ่งเสี่ยง กลายเป็นตรงกันข้ามทุกที
นั่นเป็นภัยจากธรรมชาติ ที่มีแนวโน้มกลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรง ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว ทำให้ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิดว่าในปีนี้จะรับมือกันได้แค่ไหน เพราะแค่เปิดมายังไม่ทันตั้งตัวก็ต้องเดือดร้อนเป็นประเดิม
ขณะที่ภัยอีกชนิดหนึ่งนั่นคือ “ภัยจากนักการเมืองชั่ว” ซึ่งภัยดังกล่าวนี่แหละถือว่าเป็นภัยร้ายที่สุด เพราะยิ่งนานไปยิ่งมีการพัฒนาได้แนบเนียน และสร้างความเสียหายได้มากขึ้น นับวันยิ่งกำจัดยาก ตรงกันข้ามกลายเป็นว่าชาวบ้านกำลังถูกครอบงำ จนบางครั้งไม่รู้ว่าภัยมาถึงตัวแล้ว
หลายคนประเมินตรงกันว่า ในปีนี้จะต้องเกิดการเผชิญหน้ากันรุนแรงระหว่างกลุ่มการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มการเมืองที่กุมอำนาจรัฐในฐานะรัฐบาลที่มาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นเครือข่ายของ “ระบอบทักษิณ” และเวลานี้กำลังจะเดินเครื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญกันเต็มพิกัดแล้ว
นาทีนี้ไม่ต้องมาสาธยายให้เสียเวลาว่ารัฐบาลที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง รวมไปถึงกลุ่มสอนวิชากฎหมายในมหาวิทยาลัยในชื่อ “กลุ่มนิติราษฎร์” เป็นพวกเดียวกัน แม้ว่ากลุ่มหลังอาจจะไม่ใช่อยู่ในสังกัด แต่ก็ถือว่าเป็นแนวร่วมเคลื่อนไหวไปในทางเดียวกัน อิงแอบใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน
กล่าวกันแบบไม่ต้องอ้อมค้อมก็ต้องระบุว่า ภายในปี 2555 เป้าหมายหรือความต้องการของ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็น “เจ้าของ” รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลบล้างความผิดแล้วกลับมามีอำนาจทางการเมืองให้เสร็จสิ้นให้ได้ภายในปีนี้ เนื่องจากหากทอดเวลานานออกไป “ความเสี่ยง” ก็ยิ่งมาก โดยเฉพาะความเสี่ยงที่มาจากรัฐบาลน้องสาวตัวเอง คือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นแหละ หลังจากที่ผ่านมา “ความแตก” ถูกชาวบ้านจับได้ว่า “กลวง” ไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศ ไม่มีภาวะผู้นำ ไม่มีอะไรเลย
ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ทักษิณจึงต้อง “เร่งเปิดเกมเร็ว” ต้องการเข้าทำแบบ “ม้วนเดียวจบ” ให้ได้ โดยเฉพาะมีความเป็นไปได้สูงก็คือจะไม่มีการลงประชามติ แต่จะใช้วิธีให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.เป็นตัวแทนแต่ละจังหวัดเข้ามา เพราะยังเชื่อว่าในช่วงเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้ายังสามารถควบคุมพื้นที่ข้างมาก ยังล็อกสเป็กรัฐธรรมนูญได้ล่วงหน้า แต่ขณะเดียวกันปัญหาก็คือ อย่ามองข้ามความรู้สึกของชาวบ้าน ที่เริ่มรู้สึกว่ากำลังถูกหลอกใช้ เอาเปรียบมากขึ้นทุกวัน เพราะต้องไม่ลืมว่าส่วนใหญ่กำลังเดือดร้อนเรื่องข้าวของแพง สิ่งที่เคยหาเสียงเคยโม้เอาไว้ไม่เห็นทำได้สักอย่าง กลายเป็นว่ามีแต่เรื่องผลประโยชน์ทักษิณ เป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ
นี่แหละถึงได้บอกว่า เรื่องแบบนี้แหละทำให้ถึงจุดเปลี่ยนอย่างคาดไม่ถึง ดังนั้น ถ้าบอกว่าปีนี้ ทั้งภัยพิบัติธรรมชาติที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้วตามหลักการลานีญา ผนวกกับปัญหาการเมืองที่ยังก้าวไม่พ้นผลประโยชน์ ทักษิณ แค่เรื่องเดียวก็จะอ๊วกอยู่แล้ว เมื่อมาเจอกับสองแรงบวกจะหนักหนาสาหัสขนาดไหนลองคิดดูก็แล้วกัน!!
