xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” กลัวพลาด-ส่งสัญญาณแก้ รธน.ก่อนลงประชามติ!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

เริ่มเห็นแนวโน้มออกมาชัดเจนมากขึ้นแล้วว่า การผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่ว่าจะกระทำผ่านรัฐบาลที่มีน้องสาวตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือ ส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่การล่ารายชื่อผ่านทางแกนนำคนเสื้อแดง ล้วนทำท่าออกมาตรงกัน คือ การ “ทำประชามติ” แต่เป็นการ “ทำประชามติหลังจากร่างรัฐธรรมนูญ” ตามความต้องการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งความหมายจะต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ที่ผ่านมาหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์มักท่องจำตามสคริปต์ให้พูดว่าจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและสนับสนุนให้มีการทำประชามติ ซึ่งหยุดอยู่แค่นี้ รวมถึงหลายคนทั้งในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยก็ล้วนออกมาในโทนเดียวกัน ซึ่งก็ทำให้ไม่เกิดแรงต้านมากนัก เพราะอธิบายว่านี่คือความต้องการของชาวบ้าน

ล่าสุดเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น เมื่อ “หัวโจกคนเสื้อแดง” อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ออกมาระบุว่าจะมีการทำประชามติทีหลัง นั่นคือหลังจากร่างรัฐธรรมนูญเสร็จเรียบร้อยแล้วแล้วค่อยมาให้ประชาชนตัดสินว่าเอาหรือไม่เอา พร้อมทั้งอ้างว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ได้หาเสียงเอาไว้ เมื่อชนะท่วมท้นก็ถือว่าเป็นความต้องการของชาวบ้านก็ต้องทำ

หากพิจารณากันเฉพาะประเด็นความต้องการก็ต้องบอกว่า เป็นการแสดง “ธาตุแท้” ออกมาให้เห็นได้ชัดเจน เพราะเมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างการทำประชามติก่อนและหลังนั้นมีความหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างแรกถ้ามีการทำประชามติก่อน ก็ต้องมีการถกเถียงกันว่าจะมีการแก้ไขประเด็นใด และทำไมต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญปัจจุบันมันมีอุปสรรคต่อการบริหารบ้านเมืองอย่างไร จะอ้างว่ามาจากเผด็จการอย่างเดียวก็คงไม่ได้

สำหรับการทำประชามติก่อนการแก้ไข นาทีนี้สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยถือว่ามีความเสี่ยงสูง เพราะว่า ก่อนการลงประชามติแต่ละฝ่ายทั้งฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านการแก้ไขต่างก็ต้องมีการรณรงค์ มีเวทีอภิปรายถึงข้อดีข้อเสียของรัฐธรรมนูญกันอย่างกว้างขวาง มีการอภิปรายกันทีละประเด็นว่ามีเรื่องใดบ้างที่สมควรแก้ไข เป้าหมายก็เพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตย จนความคิดตกผลึก แล้วให้ชาวบ้านตัดสินใจว่าแก้หรือไม่แก้ แต่ทีนี้ปัญหาก็คือถ้าทำแบบนั้น มันไม่ใช่เป้าหมายของ ทักษิณ เพราะหากพิจารณาจากแบ็กกราวด์แล้วเขาไม่ต้องการเรื่อง “ประชาธิปไตย” แต่สิ่งที่ต้องการก็คือจะแก้ไขอย่างไรเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด ได้ทรัพย์สินคืน และกลับมามีอำนาจทางการเมือง ซึ่งก็ต้องเล็งไปที่มาตรา 309 นั่นแหละ ส่วนเรื่องอื่นเป็นเรื่องรอง เป็นแค่องค์ประกอบ “ตบตา” ที่ทำให้การแก้ไขดูดีมีเหตุผลเท่านั้น

แต่ถ้าให้ทำประชามติก่อนการแก้ไข ความชั่ว ความโลภต่างๆ ดังกล่าวที่พยายามซุกซ่อนเอาไว้มันจะถูกเปิดโปงออกมาจนสิ้นไส้ และยิ่งมีเวทีให้ถกเถียงกันมากเท่าไหร่ ทักษิณ และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ยิ่งซวย

ขณะเดียวกัน ข้ออ้างที่บอกว่าชาวบ้านเห็นชอบให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะพรรคเพื่อไทยหาเสียงเอาไว้นั้น เป็นการพูดแบบมั่วๆ และเอาแต่ได้ คำถามก็คือ ทำไมตอนหาเสียงพรรคเพื่อไทยไม่ระบุเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงเรื่องเดียวโดดๆ และทำไมต้องพ่วงเอาเรื่องปรับค่าแรงวันละ 300 บาท จบปริญญาตรีเงินเดือน 15,000 บาท จำนำข้าวเกวียนละไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท เพิ่มเบี้ยยังชีพให้คนแก่เป็นสองเท่า เพิ่มเงินกองทุนให้หมู่บ้านละล้าน แจกแท็บเล็ต จะกระชากค่าครองชีพลงมา ฯลฯ ทำให้ไม่แน่ใจว่า “ตาสียายมีป้าแม้น” ตามบ้านนอกอยากได้ราคาข้าวเกวียนละ 15,000 บาท หรือว่าอยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญกันแน่ เพราะมันดูเหมือนการ “เหมายกเข่ง” หลอกต้มชาวบ้านนั่นแหละ

อย่างไรก็ดี นาทีนี้ไม่ว่าจะทำประชามติก่อนหรือหลังสำหรับ ทักษิณ ถือว่าไม่ง่าย อีกทั้งหากคิดว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีรากเหง้ามาจากเผด็จการ ต้องการแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตยจริงก็ต้องพิสูจน์ และต้องถามประชาชนก่อนว่าพวกเขาอนุญาตให้แก้ไขหรือไม่ และแก้ไขในประเด็นใดบ้าง ไม่ใช่ว่าอ้างไปเรื่อยเปื่อยเพื่อให้เป็นประชาธิปไตย แต่เนื้อแท้แล้ว “หมกเม็ด” ไม่ยอมแบออกมาให้เห็นก่อน มันก็ยิ่งเพิ่มความขัดแย้ง ดีไม่ดีในภาวะที่รัฐบาลเริ่มเจอภาวะรุมเร้าสารพัดในปีหน้า โดยเฉพาะ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ไร้ซึ่งภาวะผู้นำก็อาจ “เอาไม่อยู่” ก็ได้

การที่จู่ๆ พรรคเพื่อไทยหรือใครก็ตามในรัฐบาลมาอ้างว่าต้องทำตามความต้องการของชาวบ้านให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยอ้างเสียงข้างมากดังกล่าวข้างต้น จากนั้นก็ลงมือร่างแก้ไขตามที่ตัวเองต้องการแล้วก็มาบังคับแบบมัดมือชกให้ยอมรับด้วยการลงประชามติทีหลังถือว่ามักง่ายและเห็นแก่ตัวไปหน่อย

ขณะเดียวกัน แม้ว่าเมื่อพิจารณาจากอารมณ์ของสังคมแล้วยังเชื่อว่าเริ่มเห็นควรให้แก้ไข แต่ก็ต้องมีความชัดเจนว่าจะแก้ไขในเรื่องใดบ้าง บอกมาให้ชัดเสียก่อน จากนั้นเพื่อความชัวร์ก็ต้องลงประชามติ ถ้าผ่านก็เดินหน้าต่อวิธีการแบบนี้น่าจะโอเคและลดความขัดแย้ง แต่ปัญหาก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ชัวร์ต่างหาก เพราะอย่างที่บอกเป้าหมายของเขาไม่ใช่อยู่ที่ประชาธิปไตย แต่เป้าหมายอยู่ที่จะแก้ไขอย่างไรให้ตัวเองพ้นผิด และกลับมามีอำนาจอย่างไรต่างหากล่ะ!!
กำลังโหลดความคิดเห็น