เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 สิ่งที่นักการเมือง คนในรัฐบาล และฝ่ายค้านกำลังขะมักเขม้นคิดกันสมองแทบแตกตอนนี้คือทำอย่างไรเพื่อหลอกต้มให้ชาวบ้านคล้อยตามให้แก้ไข รธน.เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์ให้มากที่สุด ให้ตัวเองไม่ต้องถูกตรวจสอบ หรือยังมีก็ต้องหาทางทำให้ไม่มี หรือสามารถถูกแทรกแซงได้ ไอ้พวก “เวรตะไล” เหล่านี้มันคิดได้แค่นี้จริงๆ คิดแต่โทษ รธน.ท่าเดียว แต่ไม่เคยก้มลงดูตัวเองเลยว่าเลวแค่ไหน ทุด !!
00 ถามว่าที่ผ่านมา รธน.ฉบับนี้เคยมีอุปสรรคต่อการบริหารราชการหรือไม่ ก็เปล่าเลย ระดับสติปัญญาของ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นแบบนี้มีสาเหตุจาก รธน.หรือเปล่า ก็เปล่า ความห่วยแตกที่เห็นอยู่เป็นเพราะตัวนักการเมือง “กระจอก” พวกนี้ทั้งสิ้น ความผิดของ รธน.ฉบับนี้มีอยู่อย่างเดียวคือควบคุมตรวจสอบทำให้พวกเวรเหล่านี้ขยับตัวได้ลำบากขึ้นเท่านั้น ส่วนเรื่องข้ออ้างว่ามาจากเผด็จการ มันก็ดัดจริตพูดไปอย่างนั้นเอง เพราะแทบจะทุกข้อความใน รธน.ปี 50 ลอก รธน.จากฉบับปี 40 ทั้งสิ้น แต่ยังได้เพิ่มความเข้มข้นและอุดช่องโหว่เอาไว้อย่างเข้มข้นต่างหาก นี่แหละที่ทนไม่ได้
00 หากแยกวิเคราะห์กันเฉพาะ ทักษิณ ชินวัตร ถามว่าเขาอยากแก้ไขหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าอยากใจจะขาด แต่ไม่ใช่ด้วยความหมายของคำว่าเหตุผลประชาธิปไตยอะไรหรอก แต่เป้าหมายมีอยู่อย่างเดียวคือเพื่อลบล้างความผิด “ล้างมลทิน” ได้ทรัพย์สินคืนมา และได้กลับมามีอำนาจนั่นแหละ จึงต้องแก้ไข มาตรา 309 เพื่อให้เป็นเสมือนหนึ่งว่าไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน อย่างไรก็ดีการแก้รธน.มันไม่หมู มันต้องมีหลายคน หลายกลุ่มเข้ามาเกี่ยวข้องต้องใช้เวลานาน ที่สำคัญเดี๋ยวนี้มีพวก “รู้ทัน” เพิ่มขึ้นจมหู มันก็ยิ่งทำให้เสียอารมณ์
00 การแก้ รธน.ทุกครั้งเป็นตัวเร่งให้เกิดสถานการณ์ตึงเครียด เป็นเรื่องอ่อนไหว ซึ่งไม่แน่ใจว่า น้องสาวตัวเอง “เอาอยู่” หรือไม่ เพราะต่อไปจะตอบว่า “หนูไม่รู้” ทุกวันไม่ได้แล้ว มันต้องมีจุดยืน มีหลักการว่าจะแก้ไขอย่างไร และนำไปสู่เป้าหมายอย่างไร ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ท่าทีของทั้ง ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย รัฐบาลจึงยังไม่ชัด แม้ว่าจะบอกตรงกันว่า “แก้ไขแน่” ก็ตาม ที่เห็นชัดก็คือ เฉลิม อยู่บำรุง ที่ย้ำว่าน่าจะรอไปอีกระยะหนึ่ง ให้ “แก้ปัญหาปากท้อง” ก่อน เป็นคำพูดที่เหมือนกับว่ารับรู้สถานการณ์ว่ามัน “เปราะบาง” เหลือเกิน ถ้าสังเกตให้ดีก็จะเห็นว่ามีแต่พวก “แดงล้มเจ้า” เท่านั้นที่เร่งเกม เพราะยังไม่ถึงฝัน ไม่เชื่อลองไปถาม ธิดา ถาวรเศรษฐ คนที่เป็น “เท้าหน้า” เหวง โตจิราการ ก็น่าจะเห็นคำตอบ
00 แม้ว่าจะยอมรับในเรื่องการ “ลงประชามติ” ว่าจะแก้ไขหรือไม่ รวมไปถึงการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมาก็ตาม แต่นั่นก็ยังไม่ใช่คำยืนยันอย่างเป็นทางการ เป็นการพูดแบบตามน้ำยังไม่ได้สรุปออกมา ถามว่านาทีนี้หากมีการลงประชามติก่อนแก้ไขกันจริงๆแล้วจะมั่นใจได้แค่ไหนว่าชาวบ้านเขาจะเห็นชอบ เพราะคราวนี้ต้องถามกัน “โดดๆ” ว่าให้แก้ไขหรือไม่แก้ไข ไม่เหมือนกับคราวหาเสียงเลือกตั้งที่พ่วงไปกับเรื่อง ค่าแรงวันละ 300 บาท ประกันราคาข้าวเกวียนละ 15,000 บาท จบปริญญาตรีเดือนละ 15,000 บาท อีกทั้งก่อนลงมติก็ต้องมีการรณรงค์ให้ความรู้ของแต่ละฝ่าย ถ้าเกิดชาวบ้านเขารู้ทันมากขึ้น รู้ว่ามีแต่พวกนักการเมืองเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ พวกกู(ชาวบ้าน) ไม่เห็นได้ “เอี้ย” อะไรแล้วจะให้แก้ไขไปทำไมวะ มันไม่ยุ่งเหรอ นี่แหละถึงได้บอกว่าเอาเข้าจริงมันไม่ชัวร์หรอก
00 ดังนั้นถึงได้บอกว่าถ้าให้ถามใจ แม้วเวลานี้ลึกๆแล้วน่าจะประคองสถานการณ์ไปแบบนี้ไปอีกระยะ เพราะตัวเองก็ได้ประโยชน์จาก รธน.ฉบับปัจจุบันอยู่แล้ว ได้ทั้งอำนาจรัฐ และกำลังใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ไม่เห็นต้องดิ้นรนให้มีความเสี่ยงทำไม อย่าลืมว่าเวลานี้เขาก็เป็นผู้นำ เป็นนายกฯโดยพฤตินัยอยู่แล้ว ชักใยบงการได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว จะเอาอะไรกันอีก แต่ก็อย่างว่าคนเราถ้ามัน “หน้ามืด” มันก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วยไม่ได้ !!