“ที่ปรึกษานายกฯ” ไม่เชื่อทหารคิดปฎิวัติล้มรัฐบาล “เพื่อไทย” ชี้การเมืองปัจจุบันหมดสูตรปฏิวัติอ้าง ทุจริตคอร์รัปชัน ไม่จงรักภักดี สร้างความแตกแยก ขณะที่พรรคเพื่อไทยเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญ-พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อ้างอดีตขอนิรโทษกรรมให้ตัวเองหลังปฏิวัติ จนนำชาติสู่ปรองดองได้ ดีกว่าตั้งหน้าหักหาญกัน
วันนี้ (30 ธ.ค.) พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพว่า ในฐานะที่ตนเองก็เป็นคนหนึ่งในกองทัพ อยากบอกว่ากองทัพไม่ใช่หน่วยอิสระหรือเอกเทศ แต่กองทัพมีหน้าที่ในการป้องกันการรุกรานจากศัตรูภายนอก เพราะฉะนั้นกองทัพต้องสนับสนุนรัฐบาล โดยเฉพาะช่วงน้ำท่วมจะเห็นว่ากองทัพช่วยรัฐบาลทุกพื้นที่ ถ้าทหารไม่ช่วยประชาชนคงลำบากมากกว่านี้ เพราะกองทัพมีคน มีเครื่องมือพร้อม
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามั่นใจว่าในยุคนี้แรงเสียดทานจากกองทัพที่จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลจะไม่มีใช่หรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า คิดว่าไม่มีหรอก เพราะตนรู้จักน้องๆ ดี ที่อยู่ในกองทัพขณะนี้เป็นรุ่นน้องตนทั้งนั้นและบางคนก็ทำงานด้วยกันมาทั้งในสนามรบและในที่ปกติ เมื่อถามว่าที่ผ่านมามองภาพรวมผลงานของกระทรวงกลาโหมอย่างไรบ้าง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ดีมาก โดยเฉพาะในช่วงเกิดอุทกภัย
เมื่อถามว่าจากคำพูดของ ผบ.ทบ.บอกว่าไม่มีการปฏิวัติ จะทำให้มั่นใจได้หรือไม่ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะเดินไปได้โดยไม่สะดุด หรือไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองอย่างการปฏิวัติที่เคยกลัวกัน พล.อ.พัลลภกล่าวว่า “ผมคิดว่ามาวันนี้คนที่จะคิดปฏิวัติ ผมว่าเขาต้องคิดหนักนะ เพราะช่วงที่ผมรับราชการทหาร ผมก็คือนักปฏิวัติ ผมทำมาแล้ว 3 ครั้ง ประสบความสำเร็จ 2 และต้องตกเป็นกบฏ 1 แต่ช่วงนั้นสถานการณ์หลายอย่างทำให้เราจำเป็นต้องออกมา แต่วันนี้มันไม่ใช่ วันนี้ผมคิดว่ากองทัพ ภารกิจหลักคือปกป้องอธิปไตยของประเทศชาติ ช่วยเหลือประชาชนเวลาเกิดปัญหา เกิดอุทกภัย ส่วนรัฐบาลก็เป็นรัฐบาลที่มาตามวิถีทางประชาธิปไตย ประชาชนเลือกมาด้วยเสียงข้างมาก 265 เสียง เพราะฉะนั้นผมไม่คิดว่าน้องๆ ผมที่อยู่ในกองทัพขณะนี้จะคิดไปเป็นอย่างอื่น” พล.อ.พัลลภกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดอย่างไรที่มีการวิเคราะห์กันว่า ปัจจัยการปฏิวัติหรือไม่ปฏิวัติในรัฐบาลชุดนี้ขึ้นอยู่กับแรงเสียดทานที่จะส่งมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มากกว่า พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ตนไม่คิดอย่างนั้น ต่อข้อถามว่า แม้ว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยพยายามเคลื่อนไหวโดยการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สิ่งเหล่านี้จะไม่นำไปสู่ความวุ่นวายและแปรสภาพไปสู่การปฏิวัติหรือไม่ ที่ปรึกษานายกฯ กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญ ก็แก้กันมาไม่รู้ฉบับที่เท่าไหร่แล้วของประเทศไทย ดังนั้น ที่จะมีการแก้ก็ต้องผ่านความเห็นชอบและตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. 3 ขึ้นมาและจากความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็ต้องว่ากันไปตามวิถีทางการเมือง มันไม่น่าจะมีอะไร ซึ่งที่จะแก้กันในขณะนี้เท่าที่ดูก็มีหลายมาตราที่ไม่เป็นธรรมต่อพรรคการเมือง เช่นกรรมการบริหารพรรคทำผิดคนเดียว แล้วต้องยุบพรรคหมด ซึ่งไม่ถูกต้อง ต้องว่าเป็นรายๆ ไป ไม่ใช่เหมายกเข่ง
เมื่อถามว่าประเด็นการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะเป็นจุดเปลี่ยนของการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรเพราะเมื่อช่วงวันที่ 1 เมษายน 2524 ตนนำกำลังเข้ายึดอำนาจ แต่ตนแพ้ ก็หนี้ลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ ซึ่งโทษของตนในขณะนั้นคือประหารชีวิตอย่างเดียว ไม่มีอย่างอื่น เพราะช่วงนั้นตนเป็นผู้การกรมและได้นำกำลังไปรบป้องกันประเทศแถบอรัญประเทศ แต่ได้ถอนกำลังออกจากสนามรบ ซึ่งในกฏระเบียบของทหารถือว่าการถอนกำลังต่อหน้าศัตรูโดยไม่ได้รับคำสั่ง มีโทษถึงประหารชีวิต ตนจึงต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ จากนั้นสภาผู้แทนราษฎรได้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ตนเพื่อสร้างความปรองดอง ซึ่งเมื่อตนกลับมาก็มารับใช้ประเทศชาติอย่างเดิม ทุกอย่างก็ราบรื่น
เมื่อถามว่ามั่นใจว่ากระบวนการนี้ยังใช้กับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ ที่ปรึกษานายกฯ กล่าวว่ากรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีโทษ 2 ปี ขณะที่ตนเองมีโทษประหารชีวิต สภาก็ยังออกกฎหมายนิรโทษกรรม เมื่อถามว่าแต่ปัจจัยทางการเมืองขณะนี้ไม่เหมือนกันแล้ว พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ปัจจัยการเมืองตอนนี้ก้าวหน้ากว่าเมื่อก่อนเยอะ สมัยนั้นไม่พอใจอะไรก็ หนึ่ง สอง สาม ทหารก็ปฏิวัติทุกครั้ง ทั้งทุจริตคอร์รัปชัน ไม่จงรักภักดี สร้างความแตกแยก สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสูตรเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การนิรโทษกรรมจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้วที่จะทำให้บ้านเมืองเดินไปสู่การปรองดองได้ในเวลานี้ใช่หรือไม่ พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ใช่ เพื่อความปรองดองของคนในชาติ มันดีกว่าที่จะมาตั้งหน้าคอยหักกันอยู่ทุกวันนี้ วันนี้ประเทศก้าวหน้าไปเยอะแล้ว ประชาชนเข้าใจดี เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีความพยายามจากบางฝ่ายที่จะบอกว่ารัฐบาลไม่จงรักภักดี ท่านจะแก้เรื่องนี้ให้กับรัฐบาลอย่างไร ที่ปรึกษานายกฯ กล่าวว่า วันนี้ยังมองไม่เห็นว่ารัฐบาลจะทำอะไรที่จะเข้าค่ายตามปัจจัยที่จะเป็นสูตรสำเร็จทำให้เกิดการปฏิวัติได้ วันนี้บ้านเมืองเราเปลี่ยนไปเยอะ พัฒนาไปไกลมากแล้ว ถ้าจะกลับไปแบบเก่าๆ ไม่เห็นด้วย
“ผมคิดว่าคนที่จะทำรัฐประหารต้องคิดมาก ต้องคิดหนัก เพราะถ้าชนะก็เป็นแค่คณะรัฐประหาร แต่ถ้าแพ้ โทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต และถ้าตามกฎหมายบ้านเมืองตั้งแต่ร้อยตรีไปถึงพลเอก โดนหมด เพราะคำสั่งต้องเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะฉะนั้นหากจะมาล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมันไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ดังนั้นต้องคิดหนัก ผมคิดว่าวันนี้น้องๆ ที่อยู่ในกองทัพไม่มีใครคิดเรื่องนี้ เพราะบ้านเมืองเราบอบช้ำมามากเหลือเกิน และหลายประเทศก็พัฒนาไปไกลแล้ว อย่างพม่าวันนี้เขาก็ปล่อยเสรี แต่เราจะถอยหลังลงคลองคงไม่ได้” พล.อ.พัลลภกล่าว