บรรยากาศเริ่มสนุกและงวดเข้ามาเรื่อยๆ และคาดว่าอาจจะเร็วกว่ากำหนดอย่างไม่น่าเชื่อ ล่าสุด รมว.ต่างประเทศ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ซึ่งเสมือนหนึ่งว่าทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีส่วนตัวของ ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ออกมายอมรับอย่างหน้าชื่นว่าตัวเองได้อนุมัติคืนหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต) ธรรมดา (สีน้ำตาล) ให้กับ ทักษิณ ด้วยตัวเอง พร้อมทั้งท้าทายให้ฝ่ายค้านฟ้องร้องดำเนินคดีได้เลย โดยตัดบทว่า จะไม่พูดเรื่องนี้อีก เพราะเสียเวลามามากแล้ว จะเอาเวลาไปทำประโยชน์เรื่องอื่น
นั่นเป็นหนึ่งในหลายกรณีที่คนของพรรคเพื่อไทย รัฐมนตรีในรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะเวลานี้กำลังเคลื่อนไหวผลักดันเรื่องการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ ทักษิณ โดยจะเปลี่ยนชื่อใหม่ว่าพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ซึ่งคนที่ออกหน้ายืนยันก็คือ รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อลบล้างความผิดให้กับ ทักษิณ ที่ผลักดันโดย นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.พรรคเพื่อไทย
สิ่งที่คนในพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงใครก็ตามที่ผลักดันเรื่องดังกล่าวคงมั่นใจว่าที่ผ่านมาเสียงสนับสนุนจากชาวบ้านทั่วประเทศมีความแข็งแกร่ง โดยพิสูจน์ได้จากการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย อีกทั้งยังเชื่อว่า บารมีของ ทักษิณ นั้นยังมีสูงมั่นใจว่าคนไทยต้องการให้กลับเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ
ดังนั้นเมื่อมีความต้องการแบบนี้สูงจึงต้องกระทำการด้วย “วิธีพิเศษ” ใช้ช่องทางลัด ไม่ต้องสนใจว่าจะเอาเปรียบ หรือทำผิดกฎหมายบ้านเมือง เย้ยระบบศาลยุติธรรมหรือไม่ก็ตาม
คิดเพียงว่า ทักษิณ เป็นเทวดา ราวกับว่าถ้าประเทศนี้ขาดเขาสักคนแล้วบ้านเมืองจะฉิบหายไม่สามารถพัฒนาไปได้เลย ดังนั้นเมื่อเป็นเทวดา เขาก็ต้องไม่ผิด ถึงผิดก็ต้องยกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษ
นั่นคงเป็นความเชื่อของคนพวกนี้ เพราะคิดว่าหากทำการผลักดันในเรื่องที่กล่าวมาคงได้รับการสนับสนุน หรือคงไม่มีใครขัดขวาง รวมไปถึงเชื่อว่าถึงมีก็คงมีน้อย เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยก็ชนะขาด
มิหนำซ้ำขนาดส่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองแค่ 49 วัน เข้ามาในนามของ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากความคิด ความรู้สึกเมื่อสองสามเดือนก่อนอาจจะใช่ ไม่ค่อยมีใครกล้าเถียง แต่หากพิจารณาจากบรรยากาศในตอนนี้รวมไปถึงแนวโน้มในอนาคตรับรองว่า
เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าแน่นอน อารมณ์ร่วมไม่เหมือนเดิม
เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องที่ชาวบ้านได้เห็นความเป็นจริงอยู่ตรงหน้าว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ นั้นทำผลงานไม่เข้าตาเอาเสียเลย ไร้มาตรฐานตั้งแต่ตัวนายกรัฐมนตรีลงมาจนถึงรัฐมนตรี หากให้มีการจัดเกรดก็ต้องบอกกันตรงๆว่าแทบทั้งหมดไม่สมควรที่จะมานั่งเป็นผู้บริหารประเทศได้เลย
สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นตัวตนอย่างชัดเจน และรวดเร็วที่สุดก็คือการบริหารจัดการน้ำจากปัญหาอุทกภัยที่ผ่านมาที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ไร้เอกภาพ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ขาดผู้นำที่แท้จริง
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกว่าทำไมถึงมีแต่ข่าวอื้อฉาว เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับชาวบ้าน ชาวบ้านกับรัฐ หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกันเอง ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวมันก็สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งก็คือ ได้มองเห็นถึงปัญหาในวันข้างหน้าที่กำลังกระหน่ำซ้ำเข้ามาก็คือปัญหาข้าวยากหมากแพง ภาวะว่างงาน รวมไปถึงภัยแล้งที่กำลังเข้ามาเยือนในหลายจังหวัด เป็นลักษณะของความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ชาวบ้านกำลังหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับเรื่องปากท้อง ไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไร
แต่แทนที่รัฐบาลที่พวกเขาให้ความไว้วางใจอุตส่าห์เทให้ทุกอย่างจะหามาตรการเยียวยาฟื้นฟูอย่างจริงจัง เป็นเรื่องเป็นราว กลับหมกมุ่นอยู่กับเรื่องหาทางช่วยเหลือคนเพียงคนเดียว บางครั้งคนที่เคยรักชอบกันแค่ไหนมันก็เสียความรู้สึก มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมาเป็นตรงกันข้ามได้เหมือนกัน
ไม่นับพวกที่เกลียด หรือพวกที่กลางๆ แม้เคยเลือกพรรคเพื่อไทยให้เข้ามาบริหารประเทศ แต่พวกเขาก็หวังว่าจะมีความเป็นอยู่ดีขึ้น คาดหวังว่าจะได้ค่าแรงวันละ 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท สารพัด ไม่ได้ให้เข้ามาเพื่อช่วยเหลือทักษิณ หรือเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ
การที่อ้างว่าที่ผ่านมาได้หาเสียงเอาไว้ว่าจะพา ทักษิณ กลับบ้าน เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั้นมันเป็นการเหมารวมแบบมั่วๆ มากกว่า
ดังนั้นหากพรรคเพื่อไทยคิดว่า ทั้งในเรื่องการคืนพาสปอร์ต การออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ การเสนอพ.ร.บ.ล้างมลทิน รวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้ว่าจะอ้างอย่างไรก็ตาม แต่ชาวบ้านเขารู้ทันแล้วว่า เพื่อช่วยทักษิณ เพียงคนเดียว
หากมั่นใจว่าสิ่งที่จะดำเนินการดังกล่าวเป็นผลบวกกับรัฐบาล กับพรรคเพื่อไทย จะมีเสียงสนับสนุนท่วมท้น ก็เชิญเลย ตามสบาย !!
นั่นเป็นหนึ่งในหลายกรณีที่คนของพรรคเพื่อไทย รัฐมนตรีในรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะเวลานี้กำลังเคลื่อนไหวผลักดันเรื่องการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ ทักษิณ โดยจะเปลี่ยนชื่อใหม่ว่าพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ซึ่งคนที่ออกหน้ายืนยันก็คือ รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อลบล้างความผิดให้กับ ทักษิณ ที่ผลักดันโดย นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.พรรคเพื่อไทย
สิ่งที่คนในพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงใครก็ตามที่ผลักดันเรื่องดังกล่าวคงมั่นใจว่าที่ผ่านมาเสียงสนับสนุนจากชาวบ้านทั่วประเทศมีความแข็งแกร่ง โดยพิสูจน์ได้จากการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย อีกทั้งยังเชื่อว่า บารมีของ ทักษิณ นั้นยังมีสูงมั่นใจว่าคนไทยต้องการให้กลับเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ
ดังนั้นเมื่อมีความต้องการแบบนี้สูงจึงต้องกระทำการด้วย “วิธีพิเศษ” ใช้ช่องทางลัด ไม่ต้องสนใจว่าจะเอาเปรียบ หรือทำผิดกฎหมายบ้านเมือง เย้ยระบบศาลยุติธรรมหรือไม่ก็ตาม
คิดเพียงว่า ทักษิณ เป็นเทวดา ราวกับว่าถ้าประเทศนี้ขาดเขาสักคนแล้วบ้านเมืองจะฉิบหายไม่สามารถพัฒนาไปได้เลย ดังนั้นเมื่อเป็นเทวดา เขาก็ต้องไม่ผิด ถึงผิดก็ต้องยกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษ
นั่นคงเป็นความเชื่อของคนพวกนี้ เพราะคิดว่าหากทำการผลักดันในเรื่องที่กล่าวมาคงได้รับการสนับสนุน หรือคงไม่มีใครขัดขวาง รวมไปถึงเชื่อว่าถึงมีก็คงมีน้อย เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยก็ชนะขาด
มิหนำซ้ำขนาดส่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองแค่ 49 วัน เข้ามาในนามของ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากความคิด ความรู้สึกเมื่อสองสามเดือนก่อนอาจจะใช่ ไม่ค่อยมีใครกล้าเถียง แต่หากพิจารณาจากบรรยากาศในตอนนี้รวมไปถึงแนวโน้มในอนาคตรับรองว่า
เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าแน่นอน อารมณ์ร่วมไม่เหมือนเดิม
เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องที่ชาวบ้านได้เห็นความเป็นจริงอยู่ตรงหน้าว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ นั้นทำผลงานไม่เข้าตาเอาเสียเลย ไร้มาตรฐานตั้งแต่ตัวนายกรัฐมนตรีลงมาจนถึงรัฐมนตรี หากให้มีการจัดเกรดก็ต้องบอกกันตรงๆว่าแทบทั้งหมดไม่สมควรที่จะมานั่งเป็นผู้บริหารประเทศได้เลย
สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นตัวตนอย่างชัดเจน และรวดเร็วที่สุดก็คือการบริหารจัดการน้ำจากปัญหาอุทกภัยที่ผ่านมาที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ไร้เอกภาพ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ขาดผู้นำที่แท้จริง
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกว่าทำไมถึงมีแต่ข่าวอื้อฉาว เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับชาวบ้าน ชาวบ้านกับรัฐ หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกันเอง ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวมันก็สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งก็คือ ได้มองเห็นถึงปัญหาในวันข้างหน้าที่กำลังกระหน่ำซ้ำเข้ามาก็คือปัญหาข้าวยากหมากแพง ภาวะว่างงาน รวมไปถึงภัยแล้งที่กำลังเข้ามาเยือนในหลายจังหวัด เป็นลักษณะของความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ชาวบ้านกำลังหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับเรื่องปากท้อง ไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไร
แต่แทนที่รัฐบาลที่พวกเขาให้ความไว้วางใจอุตส่าห์เทให้ทุกอย่างจะหามาตรการเยียวยาฟื้นฟูอย่างจริงจัง เป็นเรื่องเป็นราว กลับหมกมุ่นอยู่กับเรื่องหาทางช่วยเหลือคนเพียงคนเดียว บางครั้งคนที่เคยรักชอบกันแค่ไหนมันก็เสียความรู้สึก มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมาเป็นตรงกันข้ามได้เหมือนกัน
ไม่นับพวกที่เกลียด หรือพวกที่กลางๆ แม้เคยเลือกพรรคเพื่อไทยให้เข้ามาบริหารประเทศ แต่พวกเขาก็หวังว่าจะมีความเป็นอยู่ดีขึ้น คาดหวังว่าจะได้ค่าแรงวันละ 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท สารพัด ไม่ได้ให้เข้ามาเพื่อช่วยเหลือทักษิณ หรือเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ
การที่อ้างว่าที่ผ่านมาได้หาเสียงเอาไว้ว่าจะพา ทักษิณ กลับบ้าน เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั้นมันเป็นการเหมารวมแบบมั่วๆ มากกว่า
ดังนั้นหากพรรคเพื่อไทยคิดว่า ทั้งในเรื่องการคืนพาสปอร์ต การออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ การเสนอพ.ร.บ.ล้างมลทิน รวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้ว่าจะอ้างอย่างไรก็ตาม แต่ชาวบ้านเขารู้ทันแล้วว่า เพื่อช่วยทักษิณ เพียงคนเดียว
หากมั่นใจว่าสิ่งที่จะดำเนินการดังกล่าวเป็นผลบวกกับรัฐบาล กับพรรคเพื่อไทย จะมีเสียงสนับสนุนท่วมท้น ก็เชิญเลย ตามสบาย !!
