เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 บรรยากาศช่วงนี้ดูแล้วเงียบๆ อึมครึมยังไงไม่รู้ ว่ามั๊ย เหมือนกับว่าสงบก่อนเกิดพายุใหญ่ในอีกไม่นานข้างหน้า ซึ่งหลายคนก็คงมองเห็นเหมือนกัน เพราะเมื่อพิจารณาจากหลายปัจจัยรอบตัว ทั้งปัจจัยเก่าและใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามามันก็เข้าเค้าจริงๆ เพราะเรื่องใหญ่ที่จะเป็นชนวนความขัดแย้งใหญ่ก็คือ การแก้ไข รธน.เพื่อลบล้างความผิดให้กับ ทักษิณ ชินวัตร โดยมีการประกาศออกมาเป็นปฏิทินตารางเวลาแบบคร่าวๆเอาไว้แล้ว โดยจะเริ่มเดินหน้าตั้งแต่ต้นปีหน้า อย่างน้อยต้อง “เปิดหัว” เอาไว้ นั่นคือต้องเสนอเข้าวาระให้ทันสมัยประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติภายในเดือนเมษายน ส่วนหลังจากนั้นขั้นตอนรายละเอียดจะออกมาแบบไหนค่อยมาว่ากัน
00 ดังนั้นถ้าให้สรุปก็ต้องบอกว่าเป็นการ “พักรบชั่วคราว” ในช่วงเทศกาล แต่ปีหน้าถือว่าเป็นศึกหนัก ไม่ว่าฝ่ายทักษิณ เพราะต้องเป็นฝ่ายที่ต้อง “ออกแรงขยับ” แต่เมื่อดูจากปัจจัยและบรรยากาศรอบข้างแล้วไม่น่าจะเอื้ออำนวยให้นัก แม้ว่าหากมองผิวเผินแล้วเหมือนกับว่า “ทางโล่ง” เพราะ “กุมอำนาจรัฐ” อยู่ในมือผ่านทางน้องสาวคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่อีกมุมหนึ่งก็มองได้ว่าเพราะเหตุนี้แหละยิ่งตกเป็นเป้าสายตา และสังคมไทยก็มักจะไม่ยอมให้เอาเปรียบกันจนเกินไป โดยเฉพาะประเภท “ได้คืบจะเอาศอก” หากว่าไปแล้วมีแต่ ทักษิณ กับพวกเท่านั้นที่ได้ประโยชน์จาก รธน.ฉบับปัจจุบัน อีกทั้งหากพิจารณาด้วยความเป็นจริงเนื้อหาของมันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการ รวมถึงไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาด้านสติปัญญาของ ยิ่งลักษณ์ เลยแม้แต่น้อย
00 ส่วนเรื่องข้ออ้างเรื่องไม่เป็นประชาธิปไตยนั้นเป็นแค่จอมปลอมและ “ดัดจริต” เท่านั้น และความต้องการที่แท้จริงของ แม้วที่ซ่อนอยู่มีเพียง 3 อย่างเท่านั้น คือ ต้องการแก้ไขให้ตัวเองพ้นผิด สองได้กลับมามีอำนาจ และได้เงินคืน มีอยู่แค่นี้จริงๆ และเชื่อว่าในระยะหลังสังคมก็เริ่มรับรู้ความจริงเหล่านี้มากขึ้นทุกวัน ดังนั้นไม่ว่าวิธีการแก้ไขจะเป็นแบบไหน ให้มี ส.ส.ร.ขึ้นมาโดยผ่านการเลือกตั้ง มันก็แหงอยู่แล้วว่าฝ่ายไหนจะเข้ามาเป็นคนร่าง รธน.และล็อกสเปกให้ออกมาแบบไหน แต่เมื่อเริ่มไม่ชัวร์ก็เริ่มลังเล ซึ่งรวมไปถึงการลงประชามติก่อนแก้ไข ก็ต้องรอดูกันไป แต่เชื่อว่าไม่หนีไปจากนี้แน่นอน
00 อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเงื่อนไขที่น่าจับตาที่สุด น่าจะเป็นเรื่องการขยับเข้าไปแตะต้อง กม.อาญา ม.112 ของพวก “นิติราษฎร์” นักวิชาการเครือข่าย “แดง” เป้าหมายเพื่อต้องการ “จาบจ้วง” สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งต้องพูดกันตรงๆแบบนี้ เนื่องจาก กม.อาญามาตราดังกล่าวเกี่ยวข้องเฉพาะ พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการเท่านั้น ถ้าคนพวกนี้อ้างว่าตัวเองไม่มีเสรีภาพ ไม่เป็นประชาธิปไตยวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้นั้น ขอบอกว่าอย่ามั่ว เพราะถ้าจะวิจารณ์ ยิ่งลักษณ์ วิจารณ์ ทักษิณ หรือใครก็ตามสามารถทำได้เต็มที่ เพียงแต่ให้ระวังไว้หน่อยว่าจะถูกฟ้องหมิ่นประมาท โดยมีกม.อาญามาตราอื่นคุ้มครองเอาไว้ ดังนั้นการที่ใครก็ตามคิดแก้ไข ม.112 มีความหมายเดียวคือต้องการ “ล้มเจ้า” เท่านั้น
00 นี่แหละน่าจะเป็นชนวนสำคัญ อาจมากกว่าแก้ รธน.เพื่อแม้วเสียอีก เพราะเชื่อว่าสังคมไทยไม่มีใครยอม ล่าสุดก็มีเสียงฮึ่มฮั่มออกมาจาก ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าหากจะแก้ “ก็ลองดู” มันก็เป็นสัญญาณตอบโต้ที่อันตรายเหมือนกัน และเชื่อว่าคนไทยก็ยอมไม่ได้ เพราะมันเกินไป
00 แจ้นไปเขมรแล้วสำหรับสองคู่หู สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ และ พิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน วาระสำคัญอยู่ที่ธุรกิจพลังงานอ่าวไทย รูปการก็ไม่ต่างจากที่พม่าเมื่อสัปดาห์ก่อนที่เกี่ยวพันกับ ทักษิณ ได้บินเจรจานำร่องเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ขณะเดียวกันยังมีวาระแถมเพื่อกลบเกลื่อนและสร้างผลงานก็คือขอให้ปล่อย วีระ สมความคิด และ ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ติดคุกฟรีอยู่ที่นั่นครบปีพอดี แต่เอาเถอะกรณีหลังทำอย่างไรก็ได้ให้พ้นคุก พ้นอำนาจมืดในเขมรออกมาก่อนแล้วกัน ค่อยมาคิดบัญชีกันทีหลัง !!
โดย...ก้อนกรวด
00 บรรยากาศช่วงนี้ดูแล้วเงียบๆ อึมครึมยังไงไม่รู้ ว่ามั๊ย เหมือนกับว่าสงบก่อนเกิดพายุใหญ่ในอีกไม่นานข้างหน้า ซึ่งหลายคนก็คงมองเห็นเหมือนกัน เพราะเมื่อพิจารณาจากหลายปัจจัยรอบตัว ทั้งปัจจัยเก่าและใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามามันก็เข้าเค้าจริงๆ เพราะเรื่องใหญ่ที่จะเป็นชนวนความขัดแย้งใหญ่ก็คือ การแก้ไข รธน.เพื่อลบล้างความผิดให้กับ ทักษิณ ชินวัตร โดยมีการประกาศออกมาเป็นปฏิทินตารางเวลาแบบคร่าวๆเอาไว้แล้ว โดยจะเริ่มเดินหน้าตั้งแต่ต้นปีหน้า อย่างน้อยต้อง “เปิดหัว” เอาไว้ นั่นคือต้องเสนอเข้าวาระให้ทันสมัยประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติภายในเดือนเมษายน ส่วนหลังจากนั้นขั้นตอนรายละเอียดจะออกมาแบบไหนค่อยมาว่ากัน
00 ดังนั้นถ้าให้สรุปก็ต้องบอกว่าเป็นการ “พักรบชั่วคราว” ในช่วงเทศกาล แต่ปีหน้าถือว่าเป็นศึกหนัก ไม่ว่าฝ่ายทักษิณ เพราะต้องเป็นฝ่ายที่ต้อง “ออกแรงขยับ” แต่เมื่อดูจากปัจจัยและบรรยากาศรอบข้างแล้วไม่น่าจะเอื้ออำนวยให้นัก แม้ว่าหากมองผิวเผินแล้วเหมือนกับว่า “ทางโล่ง” เพราะ “กุมอำนาจรัฐ” อยู่ในมือผ่านทางน้องสาวคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่อีกมุมหนึ่งก็มองได้ว่าเพราะเหตุนี้แหละยิ่งตกเป็นเป้าสายตา และสังคมไทยก็มักจะไม่ยอมให้เอาเปรียบกันจนเกินไป โดยเฉพาะประเภท “ได้คืบจะเอาศอก” หากว่าไปแล้วมีแต่ ทักษิณ กับพวกเท่านั้นที่ได้ประโยชน์จาก รธน.ฉบับปัจจุบัน อีกทั้งหากพิจารณาด้วยความเป็นจริงเนื้อหาของมันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการ รวมถึงไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาด้านสติปัญญาของ ยิ่งลักษณ์ เลยแม้แต่น้อย
00 ส่วนเรื่องข้ออ้างเรื่องไม่เป็นประชาธิปไตยนั้นเป็นแค่จอมปลอมและ “ดัดจริต” เท่านั้น และความต้องการที่แท้จริงของ แม้วที่ซ่อนอยู่มีเพียง 3 อย่างเท่านั้น คือ ต้องการแก้ไขให้ตัวเองพ้นผิด สองได้กลับมามีอำนาจ และได้เงินคืน มีอยู่แค่นี้จริงๆ และเชื่อว่าในระยะหลังสังคมก็เริ่มรับรู้ความจริงเหล่านี้มากขึ้นทุกวัน ดังนั้นไม่ว่าวิธีการแก้ไขจะเป็นแบบไหน ให้มี ส.ส.ร.ขึ้นมาโดยผ่านการเลือกตั้ง มันก็แหงอยู่แล้วว่าฝ่ายไหนจะเข้ามาเป็นคนร่าง รธน.และล็อกสเปกให้ออกมาแบบไหน แต่เมื่อเริ่มไม่ชัวร์ก็เริ่มลังเล ซึ่งรวมไปถึงการลงประชามติก่อนแก้ไข ก็ต้องรอดูกันไป แต่เชื่อว่าไม่หนีไปจากนี้แน่นอน
00 อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเงื่อนไขที่น่าจับตาที่สุด น่าจะเป็นเรื่องการขยับเข้าไปแตะต้อง กม.อาญา ม.112 ของพวก “นิติราษฎร์” นักวิชาการเครือข่าย “แดง” เป้าหมายเพื่อต้องการ “จาบจ้วง” สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งต้องพูดกันตรงๆแบบนี้ เนื่องจาก กม.อาญามาตราดังกล่าวเกี่ยวข้องเฉพาะ พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการเท่านั้น ถ้าคนพวกนี้อ้างว่าตัวเองไม่มีเสรีภาพ ไม่เป็นประชาธิปไตยวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้นั้น ขอบอกว่าอย่ามั่ว เพราะถ้าจะวิจารณ์ ยิ่งลักษณ์ วิจารณ์ ทักษิณ หรือใครก็ตามสามารถทำได้เต็มที่ เพียงแต่ให้ระวังไว้หน่อยว่าจะถูกฟ้องหมิ่นประมาท โดยมีกม.อาญามาตราอื่นคุ้มครองเอาไว้ ดังนั้นการที่ใครก็ตามคิดแก้ไข ม.112 มีความหมายเดียวคือต้องการ “ล้มเจ้า” เท่านั้น
00 นี่แหละน่าจะเป็นชนวนสำคัญ อาจมากกว่าแก้ รธน.เพื่อแม้วเสียอีก เพราะเชื่อว่าสังคมไทยไม่มีใครยอม ล่าสุดก็มีเสียงฮึ่มฮั่มออกมาจาก ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าหากจะแก้ “ก็ลองดู” มันก็เป็นสัญญาณตอบโต้ที่อันตรายเหมือนกัน และเชื่อว่าคนไทยก็ยอมไม่ได้ เพราะมันเกินไป
00 แจ้นไปเขมรแล้วสำหรับสองคู่หู สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ และ พิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน วาระสำคัญอยู่ที่ธุรกิจพลังงานอ่าวไทย รูปการก็ไม่ต่างจากที่พม่าเมื่อสัปดาห์ก่อนที่เกี่ยวพันกับ ทักษิณ ได้บินเจรจานำร่องเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ขณะเดียวกันยังมีวาระแถมเพื่อกลบเกลื่อนและสร้างผลงานก็คือขอให้ปล่อย วีระ สมความคิด และ ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ติดคุกฟรีอยู่ที่นั่นครบปีพอดี แต่เอาเถอะกรณีหลังทำอย่างไรก็ได้ให้พ้นคุก พ้นอำนาจมืดในเขมรออกมาก่อนแล้วกัน ค่อยมาคิดบัญชีกันทีหลัง !!