ในที่สุดตลาดนัดจตุจักรก็มีอันต้องกลับไปอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามคาด ด้วยความประจวบเหมาะพอดี สัญญาที่ทำไว้กับกรุงเทพมหานคร (กทม.) กำลังจะหมดลงในวันที่ 1 ม.ค. 2555
ฝ่ายการเมืองโดยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่รอช้า คว้าหมับมาอยู่ในการดูแลทันที พร้อมวางแผนเสร็จสรรพจะทำอะไรต่อไปบ้าง ก่อนที่กระทรวงคมนาคมจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบเรียบร้อยโรงเรียนปูแดงไปเมื่อวันอังคารที่27ธ.ค.
ให้เหตุผลสวยหรูว่าที่ผ่านมารายได้จากพื้นที่ตลาดนักจตุจักรต่ำกว่าราคาตลาด จึงต้องการจะเข้าไปบริหารด้วยตัวเอง ซึ่งจะเป็นการช่วยให้รายได้ต่างๆ ของรฟท.ที่ขาดทุนบักโกรกอยู่มีเพิ่มขึ้น
เป็นหลักการที่ฟังแล้วดูดี เหมาะสม แต่พ่อค้าแม่ขายในตลาดนัดจตุจักร ฟังแล้วหนาว! เพราะส่อเค้าว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากยังจะยึดแผงค้าในตลาดนัดจตุจักรทำกินต่อไป
แนวทางต่อไปรฟท.คือจะตั้งบริษัทลูกเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่ แน่นอนว่าจะต้องมีการกำหนดมาตรการต่างๆ ละเอียดยิบ ทั้งเรื่องการจำกัดพื้นที่ ทำบัญชีผู้เช่า อัตราค่าเช่า
สำคัญคือการว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการในด้านต่างๆ ระหว่างที่การจัดตั้งบริษัทลูกยังไม่แล้วเสร็จ ขึ้นชื่อว่าเป็นองค์กรเอกชนจำเป็นต้องแสวงหากำไรอย่างแน่นอน ดังนั้นผู้ค้าเตรียมใจรับมือค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นได้เลย!
ความจริงพื้นที่ตลาดนัดจตุจักรหากย้อนไปเมื่อครั้งย้ายมาจากสนามหลวงใหม่ๆ ยุคบุกเบิกแทบไม่มีราคาค่างวดอะไรเลย พื้นที่แผงลอย เรียกว่าแจก หรือเซ้งต่อกันแบบฟรีๆ ไม่มีใครอยากมาดูดำดูดี ยึดถือเป็นเจ้าของให้เสียอารมณ์ คล้ายกับสวนหย่อม เกาะกลางถนน ที่มีอยู่ทั่วกทม. ความจริงแล้วเป็นของกระทรวงคมนาคม เป็นของกรมทางหลวงชนบท แต่เนื่องจากไม่มีพนักงานดูแล ไม่มีคนมาคอยทำความสะอาด เพราะต้องมีค่าใช้จ่าย สุดท้ายจึงต้องโยนให้กทม.ไปบริหารจัดการ
วันนี้ตลาดนัดจตุจักรกลายเป็นทำเลทอง ที่ทุกฝ่ายหมายปองเข้ามาหาประโยชน์ ค่าเซ้งแผงจากเมื่อก่อนที่ยกให้กันฟรีๆ วันนี้มีมูลค่าเป็นล้านๆ และร้านรวงมีเกือบหมื่น บุคคลที่เกี่ยวข้องมีเป็นแสนๆ คน คิดดูว่าคนเข้ามาควบคุมกิจการจะฟาดกำไรได้เท่าไหร่!
หากคิดในแง่ของการบริหารพื้นที่ ซึ่งจำเป็นต้องมีเทศกิจมาคอยดูแล มีพนักงานรักษาความปลอดภัย และอีกหลายส่วน ตรงนี้จะเป็นปัญหาของรฟท. ที่ไม่มีกำลังคน จำเป็นต้องจ้าง ต้องเปิดประมูลให้บริษัทเอกชนเข้ามาจัดการแต่ละด้าน ก็จะเกิดเป็นผลประโยชน์มูลค่าปีหนึ่งๆ มหาศาล จ้องเข้ามากอบโกยกันตาเป็นมัน
การเปลี่ยนมือจากกทม.มาเป็นรฟท. บนหลักคิดเพื่อทำกำไร ทั้งยังต้องจ้างเอกชนเข้ามาบริหารจัดการในระยะเปลี่ยนผ่าน ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แน่ หนีไม่พ้นเรื่องค่าใช้จ่ายของคนค้าขายที่ต้องเพิ่มมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าไม่มีการบริหารจัดการที่ดี ปล่อยให้ภาคเอกชนเข้ามาโขกสับย่ามใจ มีหวังได้เกิดม็อบจตุจักรถล่มรัฐบาลแน่
การเปลี่ยนแปลงของตลาดนัดจตุจักรคราวนี้ หนีไม่พ้นเงื้อมมือของอำนาจการเมือง.. ที่ใดมีผลประโยชน์ ย่อมมีนักการเมืองจ้องเข้าไปฮุบ จ้องเข้าไปเอี่ยวอยู่เสมอๆ ต่อไปตลาดนัดจตุจักรต้องอยู่ภายใต้อำนาจการเมือง วงการนักเลง อิทธิพลมืด ตลาดนัดจตุจักรที่เราเคยเห็นกันอย่างชินตา อาจเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบใหม่
วันนี้ฝ่ายการเมือง วางแผนมาเป็นอย่างดีที่จะยึดกิจการในตลาดนัดจตุจักรไว้ทั้งหมด นำโดยพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม “อดีตนายตำรวจที่โจรเรียกพี่”เป็นหัวหอกเดินเกมเรื่องนี้ โดยไม่สนอีร้าค่าอีรมจากฝ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะกทม. พร้อมทั้งออกลูกเย้ยหยันว่าจะจัดพิธีส่งมอบพื้นที่จากกทม. เพื่อประชาสัมพันธ์งานของตลาดนัดจตุจักร โดยเชิญผู้ว่าฯ กทม. มาด้วย!
ถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญของฝ่ายการเมืองที่สามารถทำสัญญามูลค่ามหาศาล เป็นขุมทรัพย์แห่งใหม่ พร้อมที่จะให้นักการเมืองเข้ามาหาเศษหาเลยเอาเงินเข้ากระเป๋า
แต่มันคงจะกลายเป็นผลงานชิ้นโบว์ดำที่นักการเมืองฝากไว้ในใจประชาชน.. หากต่อไปตลาดนักจตุจักรจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ เลวลง..