“ถาวร” ย้ำไร้ความจำเป็นแก้ รธน. เว้นแต่มีวาระซ่อนเร้นช่วยนายใหญ่กลับบ้านโดยไร้ความผิด ชี้ ส.ส.ร.3 ไม่แคล้วได้คนกันเองมาชำเรา รธน. เตรียมเสนอ กก.บห.พรรคแสดงจุดยืนค้านแก้ รธน. แนะรัฐบาลเอาเวลาไปแก้ปัญหาการทุจริตดีกว่า จับตา รมต.ส่งลูกน้องเร่ขายโครงการบูรณะหลังน้ำท่วม เรียกเก็บใต้โต๊ะร้อยละ 35
วันที่ 25 ธ.ค.นายถาวร เสนเนียม รมว.ยุติธรรมเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความเห็นคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงเวลานี้ เพราะข้ออ้างที่รัฐบาลต้องการให้แก้ไขในมาตราต่างๆ ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศเลย ยกเว้นแต่จะมีวาระซ่อนเร้น หรือสับขาหลอกของพรรคเพื่อไทย เพื่อช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุกเท่านั้น
นายถาวรกล่าวว่า นับตั้งแต่รัฐบาลพยายามจะออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษแล้วถูกจับได้ไล่ทันก็บอกว่าไม่ใช่ไม่จริง พอจะออก พ.ร.บ.นิรโทษก็จับได้ แล้วบอกว่าไม่ใช่อีก แล้วหันไปจับมือคณะนิติราษฎร์เสนอให้ล้มล้างการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติในปี 49 เพื่อเริ่มต้นใหม่ ทั้งหมดก็เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณทั้งนั้น เพราะการเคลื่อนไหวหรือจัดกิจกรรมแต่ละครั้งต้องใช้เงิน ถามว่าใครจะออก ไม่มีใครกล้าใช้เป็นพันล้านเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองตลอดมา ดังนั้น เชื่อว่าหากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะแก้ก็ต้องแก้มาตรา 309 แน่นอนเพื่อให้การดำเนินการต่างๆ ทั้งหมดที่ทำให้มีการยึดทรัพย์ หรือคดีอาญาต่อ พ.ต.ท.ทักษิณที่เกิดจากรัฐธรรมนูญปี 49 และประกาศที่เกี่ยวข้องของ คมช.เป็นอันโมฆะ แต่ปิดบังซ้อนเร้นโดยตั้ง ส.ส.ร.3 ขึ้นมา เขาต้องได้เสียงข้างมากอย่างแน่นอน ทั้งจากการเลือกตั้ง 71 คน หรือ 22 คนจากการที่รัฐบาลสรรหา
“ผมขอเรียกร้องให้หยุดเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เพราะเท่าที่ฟังประเด็นที่จะแก้ก็เรื่องของการยุบพรรค ที่มีมาตั้งแต่ปี 40 หรือเรื่องการห้าม ส.ส.ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ที่รัฐธรรมนูญปี 50 ยังผ่อนคลายด้วยซ้ำไป เรื่องอื่นๆ ยังไม่อยู่ในสถานะที่จำเป็น ฉะนั้นจำเป็นเรื่องเดียวคือเอาเจ้าของเงิน เจ้าของพรรคกลับบ้านโดยไม่ติดคุก ขอให้หยุดก่อน ถ้าฝ่าฝืนดันทุรัง วิกฤตทักษิณจะกลับมารอบสองแน่นอน เพราะต้องมีการปะทะของทั้งสองฝ่าย ถ้าเห็นแก่บ้านเมืองก็ขอให้ยุติเรื่องนี้ แล้วหันไปแก้ปัญหาน้ำท่วมและปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน เพราะเริ่มได้กลิ่นว่ามา เริ่มมีการเรียกใต้โต๊ะ คืนเงินทอนก่อนได้รับใบอนุญาตจัดสรรร้อยละ 35 ของโครงการบูรณะซ่อมแซมเยียวยาหลังน้ำท่วม มีการจัดสรรแต่รัฐมนตรีแต่ละรายว่าได้โควตากันกี่ร้อยล้านพันล้าน รัฐมนตรีบางคนก็ให้ลูกน้องออกไปเร่ขายกับผู้รับเหมา โดยผมจะประสานกับ ส.ว. และภาคประชาชนคอยตรวจสอบต่อไป จึงขอปรามและอย่าคิดว่าประชาชนและฝ่ายค้านไม่รู้อะไร ขอให้นายกรัฐมนตรีจริงใจกับนโยบายในเรื่องของการปราบปรามการทุจริตอย่างเด็ดขาด”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ควรจะแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร นายถาวรกล่าวว่า ตนจะเสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรคว่า เราต้องคัดค้านเรื่องนี้อย่างหนักแน่น เพราะหากยอมให้มีการแก้ไข ไม่สามารถรับประกันได้ว่า พรรคเพื่อไทยจะมีการยัดไส้แก้ไขมาตราที่ช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ และหากเลยไปถึงขั้นทำประชามติอาจจะมีการนำมาอ้างใช้ในการทำตามอำเภอใจเหมือนที่เขาอ้างเรื่อง 15 ล้านเสียงต้องการให้คืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ เมื่อถึงเวลานั้นตนเกรงว่าอาจจะคัดค้านช้าไปหรือไม่
ต่อข้อถามว่าก่อนหน้านี้พรรคเคยมีการโหวตให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คิดว่าในครั้งนี้จะต้องมีการโหวตภายในพรรคอีกหรือไม่ นายถาวรกล่าวว่า ถ้ามีความจำเป็นก็ต้องโหวต แต่ตนเชื่อว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคที่เคยสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนั้นจะมีท่าทีที่เปลี่ยนไป เพราะท่านต่อสู้กับระบอบทักษิณมาตลอด และครั้งนี้จะเป็นการทำเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาจึงมั่นใจว่านายสุเทพไม่เอาด้วยแน่ แต่ทั้งนี้ต้องขอดูรายละเอียดอีกครั้งว่าพรรคเพื่อไทยจะแก้ไขมาตราใดบ้าง ถ้าไม่แตะมาตรา 309 เลย เราอาจจะพิจารณาดูอีกที แต่ถ้าแตะมาตรา 309 เมื่อไหร่ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาด้วยแน่นอน
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี จะแก้ไขมาตรา 112 ในประมวลกฎหมายอาญานั้น นายถาวรกล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขมาตราดังกล่าว เพราะทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการฟ้องร้องหมิ่นประมาท โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักและเคารพของคนไทย ที่เราสามารถดำเนินการฟ้องร้องหมิ่นประมาทแทนสถาบันได้ ทำไมรัฐบาลต้องมุ่งมั่นที่จะแก้ไขมาตรานี้ ทั้งที่เห็นชัดว่าจะเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขมาตรา 112 มีขั้นตอนที่ง่ายกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยมีเสียงข้างมากในสภา ทางพรรคประชาธิปัตย์จะใช้วิธีการใดคัดค้าน นายถาวรกล่าวว่า ตนมั่นใจว่าแม้เราจะแพ้เสียงในสภา แต่เชื่อว่าคนไทยจำนวนมากจะไม่ยอมให้รัฐบาลชุดนี้ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ รัฐบาลอ้าง 15 ล้านเสียง แต่พวกเขามอบหมายให้มาบริหารประเทศ ไม่ใช่ให้มาทำอะไรตามใจชอบ แล้วทำไมไม่คิดบ้างว่าอีก 45 ล้านคนจะชอบใจหรือไม่ ตนบอกได้เลยว่าถ้ารัฐบาลดำเนินการแก้มาตรา 112 เมื่อไหร่ จะมีประชาชนจำนวนรวมถึงตนและคนสงขลาออกมาคัดค้าน ซึ่งมากกว่าแสนคนที่ออกมาตอนปี 53 อย่างแน่นอน