ส.ส.พิษณุโลก ปชป.แฉรัฐโกงจำนำข้าวแทบทุกระดับ ฉะ พาณิชย์หลอกลวงไทยส่งออกข้าวได้ 10.5 ล้านตัน เชื่อ ปีหน้าเจอปัญหาจากนโยบายนี้แน่ ปูดโรงสีร้องถูกเรียกเก็บใต้โต๊ะตันละ 150 บาท ยันชาวนาถูกกดราคาซ้ำเติม แถมมีสวมสิทธิ์ด้วย โวมีหลักฐานเพียบ ฉงนตั้ง “ลูกเหลิม” ผอ.อคส.หวังเก็บส่วยส่งผู้มีอำนาจ
วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก ในฐานะ รมช.พาณิชย์เงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามตรวจสอบนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล ว่า ล่าสุด พบปัญหาว่ามีการทุจริตในเกือบทุกระดับของการดำเนินงานในโครงการ ซึ่งตั้งแต่เปิดโครงการตั้งแต่ 7 ต.ค.เป็นต้นมา ทางพรรคได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูล พบว่า โครงการนี้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าว ซึ่งในวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางกระทรวงพาณิชย์ ได้แถลงว่า ปีนี้ไทยจะสามารถส่งข้าวได้ราว 10.5 ล้านตัน ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการส่งออกข้าว แต่กลับเป็นตัวเลขหลอกลวง เพราะในข้อเท็จจริงยอดการส่งออกข้าวลดลงมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เฉพาะเดือน ธ.ค.ล่าสุด นับถึงวันที่ 13 ธ.ค.ตัวเลขการส่งออกข้าว อยู่ที่ 1.8 แสนตัน ติดลบถึง 55 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ตัวเลขที่กระทรวงพาณิชย์อ้างจึงเป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า แต่ภายหลังจากที่รัฐบาลปรับมาเป็นโครงการจำนำข้าว ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น จึงส่งผลกระทบต่อยอดการส่งออก ซึ่งในปีหน้าจะมีปัญหาอย่างรุนแรงตามมา เนื่องจากจะมีข้าวนาปรังออกมาจำนวนมาก แต่ในขณะนี้ที่ยังไม่เห็นปัญหาเพราะผลผลิตข้าวถูกน้ำท่วม นอกจากนี้ยังมีผลกระทบโดยมีโรงสีต่างๆ ร้องเรียนว่า มีการเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะจากการรับจำนำข้าวข้ามเขต เช่น ในพื้นที่ภาคกลางข้ามเขตไปที่ภาคอีสานต้องเสียเงินให้ตันละ 150 บาท โดยมีการเรียกเก็บเงินล่วงหน้า 1 ล้านบาท โดยมีโรงสีที่จะเข้าร่วมโครงการต้องจ่ายขั้นต่ำ 1 ล้านบาท จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับปริมาณข้าวที่จะรับจำนำโดยนำจำนวนข้าวตันคูณกับ 150 บาท อีกทั้งยังมีปัญหากรณีเซอร์เวเยอร์ หรือผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว ก็มีการเรียกเก็บเงินจากข้าวที่อยู่ในโกดังกระสอบละ 7 บาท เป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับโรงสี แต่บางรายเรียกเก็บสูงถึง 40 บาทต่อกระสอบ โดยสมรู้ร่วมคิดกับโรงสี นำข้าวที่ไม่ได้มาตรฐานมาเก็บในโกดังกลาง จากนั้นมีการเรียกเก็บผลประโยชน์ ซึ่งหากกระบวนการของรัฐยังไม่โปร่งใสเช่นนี้ พี่น้องชาวนาจะเป็นผู้เสียผลประโยชน์
นพ.วรวงค์ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้ชาวนาไม่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้จากที่รัฐบาลกำหนด เพราะถูกกดราคา บางรายได้เงินเพียง 9 พันบาทต่อตัน และยังถูกโกงหักความชื้นของข้าวเพิ่ม ทำให้รายได้ต่ำกว่าความเป็นจริง โดยสิ่งเหล่านี้ตนมีหลักฐานและยังพบว่า โรงสีโกงชาวนาด้วยการออกใบประทวนที่ไม่ตรงกับปริมาณข้าวที่ชาวนาไปจำนำกับโรงสีโดยใส่จำนวนข้าวมากกว่าที่เอามาจำนำ โดยเอาข้าวจากที่อื่นมาสวมสิทธิ์ และบางกรณีชาวนาก็รู้เห็นเป็นใจกับโรงสีเพื่อให้เกิดการสวมสิทธิ์ ข้าวที่เตรียมไว้แล้ว และยังมีบางแห่งที่โรงสีสวมสิทธิ์ โดยที่ชาวนาไม่รู้เรื่อง โดยบางกรณีมีการโอนเงินให้ชาวนามากกว่าที่ควรจะได้ ซึ่งชาวนาก็มาร้องเรียนทางพรรคก็เก็บหลักฐานไว้ทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลนี้ต้องเข้ามาดูแล เนื่องจากผลประโยชน์ไม่ตกถึงชาวนา แต่ตกในมือพ่อค้าคนกลาง และตนเชื่อว่า ที่สุดจะถูกผ่องถ่ายไปสู่มือนักการเมือง
“เราได้รับโทรศัพท์ร้องเรียนจากโรงสีจำนวนมาก ในเรื่องการแต่งตั้งอดีตจำเลยในคดีฆ่าดาบตำรวจยิ้ม มาเป็น ผอ.อคส.เพราะในโครงการจำนำข้าว คนที่จะมาดูแลควรที่จะต้องมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องข้าว เพื่อจะได้พิทักษ์ผลประโยชน์ให้ชาวนาและประเทศ แต่การเอาคนที่มีมลทิน ไม่มีความรู้ ทำให้เกิดคำถามว่า การแต่งตั้ง ผอ.อสค.คราวนี้เพื่อดูแลผลประโยชน์ของชาวนา หรือมาเป็นโต้โผในการเก็บส่วยเพื่อส่งไปให้คนที่มีอิทธิพลเหนือกว่า เพราะ อคส.เป็นหน่วยงานหลักในการรับจำนำข้าว ทุกอย่างต้องผ่าน อคส.ดังนั้น การเรียกเก็บผลประโยขน์ต่างๆทำได้ง่ายมากและมีจำนวนมหาศาล ซึ่งสุดท้ายผู้ประกอบการก็เชื่อว่า การเก็บส่วยจะมีการส่งต่อไปยังผู้มีอำนาจ” นพ.วรงวค์ กล่าว