ชาวบ้าน 352 คน ยื่นฟ้องศาลปกครอง สั่งรัฐจ่ายค่าชดเชยน้ำท่วมตามความเสียหายจริง พร้อมสั่งรัฐกำหนดมาตรการสร้างความเชื่อมั่นรับมืออุทกภัยในอนาคตได้ จัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเยียวยาที่มีงบประมาณช่วยเหลือไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านทุกปี
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และพวก ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยรวม 352 คน ได้ยื่นฟ้อง นายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และพวกรวม 11 หน่วยงาน ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลฯมีคำพิพากษาให้นายกรัฐมนตรี และพวกร่วมกันรับผิดชอบต่อความเดือดร้อนเสียหาย อันเนื่องมาจากความผิดพลาด ล้มเหลว ละเลย ละเมิดหรือการประมาทเลินเล่อจากการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาอุทกภัยของนายกรัฐมนตรีและพวก
โดยจ่ายเงินค่าชดเชยค่าเสียหายชาวบ้านที่ฟ้องคดีตามความเป็นจริงทุกคน และขอให้ศาลพิพากษาให้นายกรัฐมนตรี หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการ รายละเอียดที่เป็นรูปธรรมที่สามารถสร้างความมั่นใจต่อประชาชนว่าจะสามารถแก้ปัญหาพิบัติภัยประเภทนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้และไกลได้ภายใต้กระบวนการการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและประชาสังคม รวมทั้งให้คณะรัฐมนตรีจัดตั้งกองทุนสวัสดิการเพื่อฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยรัฐจัดสรรงบประมาณให้ปีละไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท และเพิ่มขึ้นทุกๆ ร้อยละ 5 ของอัตราเงินเฟ้อของประเทศ โดยการบริหารจัดการโดยภาคประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ทางสมาคมได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในหลายจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากการจัดการน้ำที่ผิดพลาดของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งการชดเชยของรัฐก็ไม่ได้ชดเชยตามจริง ซึ่งสมาคมฯ เห็นว่าการบริหารน้ำที่ผิดพลาดนี้ กระทบกับสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ และยังเข้าข่ายละเลยต่อหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร รวมถึงเข้าข่าย เป็นกรณีพิพาทตามพ.ร.บ.จัดตั้งและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2552 มาตรา 9 ประกอบกับยังมีความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 มาตรา 43 ประกอบประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 และยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 165 และมาตรา 59 วรรค 4 จึงได้รวบรวมรายชื่อของประชาชนมายื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้นายกฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันชดเชยค่าเสียหายให้ตามความเป็นจริง ซึ่งหลังจากนี้ คาดว่า จะมีการรวบรวมรายชื่อผู้ได้รับผลกระทบมายื่นเพิ่มเติมต่อศาลฯอีก
