อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต มองปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมา ไม่ต่างจาก “ทฤษฎีต้มกบ” ศปภ.ขาดความพร้อม ชี้ แนวทางปรองดองต้องเพื่อคนส่วนใหญ่ในชาติ ขณะ “รัฐบาลปู” มุ่งนิรโทษกรรมให้พี่ชายอย่างเดียว เชื่อ ทักษิณยังไม่กลับมา เพราะเดินเกมผิด ยืนยันมาตรา 112 ต้องมี ไว้ปกป้องประเทศ หวั่นไม่มีสถาบันฯ เมืองไทยเป็นแหล่งอันธพาลแน่
วันนี้ (18 ธ.ค.) หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ เซกชั่นไทยโพสต์แทบลอยด์ ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ ปรองดองมิใช่คืนดี อาทิตย์ อุไรรัตน์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตประธานรัฐสภา ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กกรณีที่รัฐบาลมุ่งไปที่ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง เพื่อจะนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหลบหนีคดีที่ดินรัชดาฯอย่างเดียว ซึ่งเห็นว่า เป็นเรื่องที่ผิด และการยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 ว่า อยู่ที่วิจารณญาณของฝ่ายผู้พิพากษาของเจ้าหน้าที่ และเห็นว่าอย่าบ้าจี้จนทำเกินกว่าเหตุ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา
ในช่วงแรก ดร.อาทิตย์ กล่าวถึงวิกฤตน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โดยชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยเมื่อไม่เคยเจอวิกฤตมาก่อน จึงไม่มีการเตรียมตัวรับมือพร้อมกันทั้งประเทศ ซึ่งเห็นว่าเหมือนกับทฤษฎีต้มกบ ที่ชาวไอริชทำการเปรียบเทียบปฏิกิริยาตอบสนองของกบ ระหว่างน้ำร้อนกับน้ำเย็น เมื่อกบลงไปอยู่ในน้ำเย็น เพราะคิดว่าจะไม่เป็นอะไร โดยไม่รู้ว่าภัยร้ายใกล้จะมาถึงตัวแล้ว เมื่อน้ำร้อนขึ้นจนได้ที่แล้วก็กลายเป็นกบต้มสุก ไม่สามารถหนีรอดออกมาได้ ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ก็ออกมาบอกว่าไม่คาดคิด แสดงว่าประเทศที่ควรจะต้องมีความพร้อม มีวิชาความรู้พร้อม มีแผนพร้อม มีการป้องกันเตรียมการพร้อม แต่กลับไม่มีใครพร้อมเลยสักคน
• มองทักษิณจำกัดความปรองดองผิด-เชื่อยังไม่กลับไทย
ในตอนหนึ่ง ดร.อาทิตย์ กล่าวถึงการปฏิรูปการเมืองเพื่อหาทางออกให้ประเทศ โดยเห็นว่า เพราะการเมืองเรามันผิดทิศทางไปเลย หากการเมืองไม่ใช่เพื่อประเทศกับเพื่อประชาชน แต่เพื่อตัวเองเพื่อพวกที่อยู่ในการเมืองด้วยกัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิด ต้องเปลี่ยนตรงนี้ให้ได้ ขณะนี้ถึงขั้นใช้ต่างประเทศมาบีบ หากปัญหาอะไรที่มันเกิดประโยชน์กับพวกเขาพวกเดียว เราก็ต้องตีกลับโต้กลับไปบ้าง ศักดิ์ศรีของเราก็มี เพียงแต่ว่าเงียบกันหมด เอาตัวรอดกันหมด อย่างประชาชนที่เขาต้องฟ้องรัฐก็เพราะเขาไม่มีที่พึ่ง เพราะรัฐบาลไม่คิดถึงเขาเลย ซึ่งการเมืองที่เป็นอยู่เวลานี้รัฐบาลมุ่งไปที่ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง เพื่อจะนิรโทษกรรมอย่างเดียว มุ่งคิดแต่เรื่องการเมืองทำเพื่อผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียว ก็อยู่กันอย่างนี้ เท่าที่พูดๆ มาก็ทำเพื่อเขาทั้งนั้น คนไทยยอมอยู่ได้ยังไง
เมื่อถามว่า การปรองดองต้องรวม พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย ดร.อาทิตย์ กล่าวว่า ก็อาจจะจำกัดความคำว่าปรองดองผิดก็ได้ การปรองดองไม่ใช่เอา พ.ต.ท.ทักษิณ มาปรองดองกับคนนั้นคนนี้ แต่ต้องสร้างความปรองดองในชาติ และการปรองดองในชาติเป็นการสร้างฝ่ายที่สามที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ขึ้นมา เพราะถ้าไปมองว่าเอาสองฝ่ายมายอมกันอย่างนั้นมันไม่ถูก คนส่วนใหญ่เขาไม่ได้อะไรด้วย และการนิรโทษกรรมไม่ใช่วิธีการปรองดอง แต่ว่าต้องเอาคนส่วนใหญ่ให้อยู่เย็นเป็นสุขขึ้นจะต้องทำยังไงบ้าง ซึ่งรัฐบาลจะต้องตจั้งโจทย์แบบนี้ก่อน ให้ประชาชนหมดข้อขัดแย้ง แต่ถ้าคิดจะเอาแกนนำสีเสื้อต่างๆ มาปรองดองกันมันก็ไม่มีวันยอมได้ อย่างไรก็ตาม ดร.อาทิตย์เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะยังไม่กลับประเทศไทยในเร็ววันนี้ เพราะเป็นไปได้ยาก
“เวลานี้เขาก็มีความสุขอยู่แล้ว เงินทองเยอะแยะ ติดอยู่อย่างเดียว คือ ไม่ได้กลับมาเมืองไทย แต่ความพยายามที่จะทำอย่างนี้เขาเดินเกมผิด แทนที่เขาจะทำดีเพื่อที่เขาจะได้กลับมา เขาก็ไม่ทำ แต่กลับทำให้คนเดือดร้อนกันทั้งประเทศ เขาทำอย่างนี้คนจะไม่ให้อภัยเขา อย่างเรื่องอภัยโทษวันที่ 5 ธ.ค.นั่นคือ แสดงนิสัยของเขาว่าจะต้องเอาให้ได้ ถ้าสมมติว่า ไม่มีเสียงคัดค้านต่อต้านมากๆ เขาหลุดเข้ามาแล้วตอนนั้น อะไรก็ตามที่ทำได้ทุกเสต็ป เขาทำทั้งนั้นแหละ ตอนนี้เขาก็หาโอกาสทำเพื่อนิรโทษให้ตัวเอง” ดร.อาทิตย์ กล่าว และว่า การที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 กลับมาสู่เส้นทางการเมืองอีกครั้งในปีหน้า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงตราบใดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยู่อย่างนี้ ก็ต้องหาโอกาสที่จะช่วยตัวเขากลับมามีอำนาจ จะมีบ้านเลขที่ 111 หรือไม่ สภาพบ้านเมืองก็จะต้องเหมือนเดิม ความขัดแย้งที่ยังมีอยู่ก็มีอยู่เหมือนเดิม
• ยันมาตรา 112 ปกป้องประเทศ-วอนอย่าบ้าจี้ทำเกินกว่าเหตุ
เมื่อถามถึงการแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 ซึ่งในทางปฏิบัติถูกมองว่ามีปัญหา เพราะด้านหนึ่งถือว่าเป็นเกราะป้องกันสถาบันกษัตริย์ แต่หากใช้แบบสุดโต่งก็จะสะท้อนกลับในทางตรงกันข้าม ดร.อาทิตย์ เห็นว่า กฎหมายนี้มันต้องมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรัสชัดเจนว่าวิจารณ์ได้ แต่ต้องวิจารณ์ให้ถูก ถ้าวิจารณ์ไม่ถูกก็ผิด และถ้าวิจารณ์ถูกพระมหากษัตริย์ก็ปรับปรุงตัวเอง หากมีอะไรบกพร่องจริง แต่ถ้าอธิบายผิดวิจารณ์ผิดก็เดือดร้อน ซึ่งพระองค์ท่านประชาธิปไตย ฉะนั้น ตนเห็นว่ากฎหมายนี้ต้องมี
“กฎหมายนี้ไม่ใช่ปกป้องบุคคล แต่ปกป้องประเทศ ในรัฐธรรมนูญบอกว่าแผ่นดินไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะแบ่งแยกมิได้ คนที่ไปแบ่งแยกแผ่นดินก็ต้องถือเป็นศัตรูของประเทศ ต้องถือเป็นความผิด จะให้ยกเลิกกฎหมายนี้ได้ยังไง พระมหากษัตริย์เป็นสถาบัน ถ้าไปจาบจ้วงโดยไม่มีเหตุผลก็ต้องเป็นความผิด และที่สำคัญกระบวนการยุติธรรมก็ต้องพิพากษาให้ถูก เพราะสิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่ว่าต้องยึดตามตัวหนังสือหรือตัวบท แต่มันอยู่ที่วิจารณญาณของฝ่ายผู้พิพากษา ของเจ้าหน้าที่ อย่าบ้าจี้กับมาตรา 112 จนทำเกินกว่าเหตุ” ดร.อาทิตย์ กล่าว
อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ถ้าเราต้องการเป็นประชาธิปไตยทุกอย่างมันละเอียดอ่อน ดังนั้นต้องใช้หลายๆ อย่างประกอบกัน ไม่ใช่แต่เพียงศรีธนญชัยหรือยึดตัวบทอย่างเดียว กฎหมายจำเป็นต้องมี เพราะมีหลายกรณีที่โดนจับๆ ไป ทั้งพูดจา ทำสารพัด อันนั้นสมควรก็อนุโลมไม่ได้ ซึ่งอย่าว่าแต่เป็นพระมหากษัตริย์ ถ้าใครทำอย่างนั้นกับเราซึ่งเป็นประชาชนคนธรรมดา เราก็ต้องฟ้องเหมือนกัน ถ้าไม่มีกฎหมายเลยบ้านเมืองก็ไม่มีขื่อไม่มีแป เป็นสังคมที่ไม่มีเหตุผล
“ประเทศมันต้องมีประมุข ประเทศไทยประมุขคือพระมหากษัตริย์ ประเทศอื่นจะมีประธานาธิบดีก็ว่าไป แต่เราพิสูจน์ได้ว่าไม่มีอะไรวิเศษ ประเสริฐเท่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้าไม่มีตรงนี้แล้วประเทศเราจะเป็นแหล่งอันธพาลจังโก้ เพราะต้องรับความจริงว่ามันยังมีสภาพอย่างนี้อยู่ แล้วใครจะเป็นประมุขดูแลบ้านเมืองให้มันเข้าร่องเข้ารอยได้” ดร.อาทิตย์กล่าว