ASTVผู้จัดการรายวัน -ชาวนนทบุรีฟ้องศาลปกครอง ขอคุ้มครองชั่วคราว สั่งระงับกู้ทางหลวง 340 พร้อมเปิดประตูระบายน้ำ หยุดเสริมกระสอบทรายคลองมหาสวัสดิ์ ด้านถ.พหลโยธินชาวบ้านฮือรื้อคันบิ๊กแบ็กที่คปอ. อีกกลุ่มปิดทางด่วนโทลเวย์ "ดร.อาทิตย์" โวยศปภ.เร่งกู้เมืองเอก ขู่ปิดถนนวิภาวดี กทม.เปิดประตูระบายน้ำริมคลองมหาสวัสดิ์ 3 คลอง สูง 1 เมตร เผยรื้อบิ๊กแบ็กกระทบพหลโยธิน วิภาวดี ดอนเมือง สายไหม รมว.เกษตรเผยหลังต้นเดือนธ.ค.น้ำทะเลลงต่ำระบายน้ำได้ดีขึ้น
**ชาวบ้านฟ้องศาลสั่งระงับกู้สาย340**
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 14.30 น. นางทศสิริ พูลนวล อายุ 50 ปี อาชีพรับจ้าง เลขที่ 1/290 ม.12 ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ยื่นฟ้อง ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) และกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-2 เรื่องเป็นเจ้าพนักงานของรัฐออกคำสั่งทางปกครองโดยมิชอบ กรณีที่มีการออกคำสั่งกู้ถนนสาย 340 และถนนกาญจนาภิเษก
รวมทั้งกรณีที่มีการกั้นแนวกระสอบทรายระหว่างช่วงต่อคลองมหาสวัสดิ์กับพื้นที่จ.นนทบุรี ซึ่งส่งผลกระทบต่อการระบายน้ำของพื้นที่จังหวัดนนทบุรีจึงขอให้ศาลปกครองกลางไต่สวนฉุกเฉินเพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้ผู้ถูกฟ้อง มีคำสั่งระงับการกู้ถนนสาย 340 และถนนกาญจนาภิเษก และระงับการปิดประตูระบายน้ำและการเสริมกระสอบทรายตามแนวคลองมหาสวัสดิ์ช่วงรอยต่อกับพื้นที่ จ.นนทบุรี
โดยศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ ส.30/2554 เพื่อพิจารณาและมีคำสั่งต่อไปว่าจะมีคำสั่งรับฟ้องและไต่สวนฉุกเฉินเพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ต่อไป
นางทศสิริ กล่าวว่า ในคำฟ้องได้บรรยายสรุปว่า ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนจนไม่สามารถดำเนินชีวิตตามปกติสุขได้ ต้องกิน นอน และขับถ่ายอยู่บนชั้น 2 การเดินทางสัญจรลำบากต้องใช้เรือโดยสาร ผู้ที่ไม่มีเรือต้องเดินเท้าลุยน้ำระดับสูงตั้งแต่เอวถึงอก ต้องสูญเสียรายได้ ไปทำงานลำบาก เด็กๆต้องอยู่กันอย่างแออัดในพื้นที่จำกัด สภาวะสุขอนามัยเสื่อมโทรม เสียสุขภาพจิต เสียงต่ออาชญากรรม และเมื่อน้ำท่วมขังเป็นเวลานานทำให้บ้านเสื่อมโทรมเสียหายมาก โดยท้ายคำฟ้องได้แนบรายชื่อผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายประมาณ 100 คนเศษ จาก 4 อำเภอ คือ บางบัวทอง บางกรวย ไทรน้อย บางกรวย ใน จ.นนทบุรี ให้ศาลพิจารณา และพร้อมเข้าไต่สวนฉุกเฉินด้วยตัวเอง ซึ่งคาดว่าศาลจะมีคำสั่งในวันที่ 24 พ.ย.นี้
“ทุกวันนี้อยู่อย่างยากลำบาก ต้องกินนอนขับถ่ายแต่บนชั้นสอง ทำให้เกิดความเครียดเพราะน้ำท่วมสูงตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมาเป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว แถมตอนนี้ยังมีขโมยเข้ามาลักทรัพย์ในพื้นที่ทำให้เกิดความกลัว ได้ยืนเสียงยิงปืนไล่ขโมยทุกวัน” นางทศสิริ กล่าว
***"ประชา"ยันต้องกู้ถนนสาย340
เมื่อเวลา 16.00 น. ที่กระทรวงพลังงาน ศปภ. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผอ.ศปภ. กล่าวถึงสถานการณ์ชาวบ้าน จ.นนทบุรี ได้ปิดถนนเพื่อประท้วงให้มีการเปิดประตูระบายน้ำคลองมหาสวัสดิ์ว่า กทม.ยอมให้เปิดประตูระบายน้ำคลองมหาสวัสดิ์แล้วทั้ง 3 ประตูระดับ 1 เมตร แต่เป็นการทดลองก่อน หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น จะกลับมาพูดคุยกันใหม่อีกครั้ง
เมื่อถามถึงกรณีที่มีชาวบ้าน บางบัวทอง จ.นนทบุรีได้ยื่นฟ้อง ศปภ.และกทม. ต่อศาลปกครอง พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า เราจะต้องพิจารณาในแต่ละเรื่องไปก่อน มันหลายเรื่อง เราต้องเยียวยาเป็นแต่ละเรื่องไป แต่ยังยืนว่าจะกู้ถนนสาย 340 - ถ.กาญจนาภิเษก เพราะมีความจำเป็น แต่จะพิจารณาดำเนินการให้มีผลกระทบน้อยที่สุด
**รื้อบิ๊กแบ็กแยก คปอ.อีก**
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านลำลูกกา ชุมชนแอนเน็กซ์ และชุมชนการ์เด้นโฮม รวมตัวกัน ที่กิโลเมตร 24-27 ประมาณ 1,000 คน แถลงข่าวให้ศปภ.และกรุงเทพมหานคร เข้ารื้อบิ๊กแบ็ก ที่แยกคปอ. ถนนพหลโยธิน ภายในเวลา 48 ชั่วโมง เพื่อให้เร่งระบายน้ำลงคู คลอง เพราะน้ำได้ท่วมขังในพื้นที่ชุมชนสูงประมาณ 1-3 เมตร มาเป็นเวลา 1 เดือนแล้ว ทั้งนี้ หากทางการไม่รื้อบิ๊กแบ็ก ชาวบ้านในชุมชนจะรวมตัวไปยื่นศาลปกครอง ฟ้องเอาผิดตั้งแต่ศปภ. นายกรัฐมนตรี และกรุงเทพมหานคร
สำหรับสถานการณ์การชุมนุมของชาวบ้านเหนือคันบิ๊กแบ็กดอนเมือง บริเวณแยก คปอ.ชาวบ้านกว่า 300 คน ลุกฮือเข้ารื้อคันบิ๊กแบ็กอีกครั้ง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 500 นาย ควบคุมสถานการณ์ ซึ่งหลังจากการรื้อบิ๊กแบ็ก น้ำเหนือคันบิ๊กแบ็กได้ทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว และมีกระแสน้ำที่แรงมาก
****ชาวคูคตปิดโทลล์เวย์**
พ.ต.อ.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผกก.สภ.คูคต จ.ปทุมธานี เปิดเผยว่า มีกลุ่มชาวบ้านจากชุมชนวังทอง และชุมชนย่านห้างสรรพสินค้าเซียร์ รังสิต กว่า 100 คน มาปิดถนนทางขึ้นโทลล์เวย์ หรือ ทางยกระดับอุตราภิมุข ฝั่งขาเข้า กทม. ทุกช่องทาง รถไม่สามารถใช้การได้ เพื่อเรียกร้องให้ทางการช่วยเหลือในการระบายน้ำออกจากพื้นที่ หลังจากน้ำท่วมขังนานเกือบ 2 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงาน มีชาวบ้านตะโกน อย่างมีอารมณ์ เช่น ตำรวจ 300นายดูแลอยู่ที่แนวบิ๊กแบ๊ก ชาวบ้านคนนึงตะโกนถาม "ระดมพลมาดูบิ๊กแบ็กทำได้ ทำไมระดมพลไปช่วยดูแลพวกเราไม่ได้(วะ)?" เมื่อสอบถามชาวบ้านที่มารื้อบิ๊กแบ็กว่า "ทำแบบนี้ ไม่กลัวตำรวจจับหรือ?" เขาตอบว่า "ไม่กลัว จะจับก็มาจับ จับไปนอนคุกแห้งๆยังดีกว่าบ้านน้ำท่วมแบบนี้"
"ปี2538น้ำมากกว่านี้อีก ไม่มีนักวิชาการ วิชาเกิน ออกมาแนะโน่นแนะนี่บนทีวี ปล่อยให้น้ำมันไหลไป ท่วม 7 วันจบ ปีนี้แนะอะไรกันก็ไม่รู้ กันโน่นกันนี่ สรุปท่วมนานกว่า นี่จะสองเดือนแล้ว" ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าว
**"ดร.อาทิตย์"ขู่ปิดถนน หากไม่กู้เมืองเอก**
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานรัฐสภา ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิตได้โพสต์ข้อความผ่านทาง Facebok ในชื่อ Arthit Ourairat ระบุว่า น้ำเข้าท่วมหลักหก เมืองเอก มหาวิทยาลัยรังสิตเต็มรูปแบบครบเดือนเต็มแล้ว และแม้จะค่อยๆลดลงบ้างก็ยังสูงอยู่มาก ทางการคือ ศปภ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ของรัฐบาล ก็ไม่เคยใส่ใจช่วยเหลือเราเลย ปล่อยให้ดิ้นรนกันเอง และเราอยู่ตรงรอยต่อกับกทม. ซึ่งต้องพึ่งกทม. ด้วย ดังนั้น ควรทำและจะได้ทำหนังสือเป็นทางการด่วนถึง ผอ ศปภ และ ผู้ว่า กทม ให้ช่วยแก้ไขปัญหาด่วน ถ้าภายใน 3 วัน ทางการยังไม่สนใจหรือเริ่มขยับจะระดมคนปิดถนนวิภาวดีทั้งขาเข้าขาออก และ โทลเวย์
“มีผู้เสนอให้เปิดน้ำออกทางทิศตะวันตก ซึ่งง่ายกว่า แต่น้ำจะลงในคลองประปา และในฐานะที่ผมเคยเป็นผู้ว่าการประปานครหลวงจึงขอร้องและไม่สนับสนุนให้ใช้ แนวทางนี้ เพราะประชาชนทั้งกรุงเทพจะเดือดร้อนยิ่งกว่าน้ำท่วมอีก ที่สำคัญทางการต้องดูแลเป็นรูปธรรมมากกว่านี้ ไม่ใช่ไปสนใจเรื่อง พรฎ.อย่างเดียว”ดร.อาทิตย์ กล่าว
**ยอมเปิด ปตร. ริมคลองมหาสวัสดิ์ 1 ม.**
ต่อมาเวลา 16.40 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. แถลงข่าวว่า จากการเรียกร้องของประชาชนจังหวัดนนทบุรีให้กทม.เปิดประตูระบายน้ำริมคลองมหาสวัสดิ์ทั้ง 3 คลอง ได้แก่ ประตูระบายน้ำคลองซอย ประตูระบายน้ำขุนศรีบุรีรักษ์ และประตูระบายน้ำคลองควาย เป็น 1 เมตร เดิมกทม.ได้เปิดอยู่ที่ระดับ 75 ซม. แต่จากการประเมินผลกระทบใน 30 ชั่วโมงที่ผ่านมาและปรากฎว่ามีผลกระทบเกิดขึ้นแต่อยู่ในขอบเขตจำกัด กทม.ได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนจังหวัดนนทบุรี ตนจึงได้สั่งการให้เปิดประตูระบายน้ำทั้ง 3 แห่งกว้างขึ้นเป็น 1 เมตร ตามที่จังหวัดนนทบุรีร้องขอ แต่ขอสงวนไว้ซึ่งสิทธิที่จะปรับความกว้างและหรี่ลงตามความเหมาะสม เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของกทม. ที่ได้รับจากศปภ.ให้ดูแลพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อไม่ให้ประชาชนในกรุงเทพฯได้รับผลกระทบ
**วอนกรมชลฯระบายน้ำฝั่งต.ต.**
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กทม.ขอความร่วมมือจากศปภ.และกรมชลประทาน ในการเปิดประตูระบายน้ำคลองฉิมพลีเพื่อผันน้ำลงคลองบางกอกน้อย และเปิดประตูระบายน้ำนครชัยศรีเพื่อผันน้ำคลองมหาสวัสดิ์ลงสู่คลองในพื้นที่ด้านตะวันตก เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในจังหวัดนนทบุรี รวมทั้งความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบถึงพื้นที่กรุงเทพฯ ด้วย อย่างไรก็ตามกทม.ยังรู้สึกกังวล เนื่องจากมีมวลน้ำทางเหนือกรุงเทพฯ สะสมอยู่มาก สังเกตได้จากระดับน้ำในคลองมหาสวัสดิ์ ที่ไม่ได้ลดลง อย่างคลองอื่นๆ เช่น คลองรังสิต ที่ลดลงอย่างชัดเจน ส่วนการเปิดประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนาเป็น 1 เมตรนั้น ไม่ได้มีการยื่นข้อเสนอมายังที่ประชุมศปภ.ตั้งแต่แรก กทม.จึงยังคงเปิดอยู่ที่ 50 ซม.
“การที่กทม.ตัดสินใจเปิดประตูระบายน้ำทั้ง 3 แห่งเป็น 1 เมตร ก็ต้องขอความร่วมมือจากกรมชลประทานในการเร่งสูบน้ำจากประตูระบายน้ำคลองฉิมพลีและประตูระบายน้ำนครชัยศรีด้วย ซึ่งผมจะทำหนังสือแจ้งไปยังศปภ.ให้รับทราบ และจะติดตามผลกระทบจากการเปิดประตูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว
**รื้อบิ๊กแบ็กคปอ.กระทบพหลฯ-วิภาฯ**
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า กรณีที่ประชาชนจ.ปทุมธานีรื้อบิ๊กแบ็กที่แยกคปอ. เป็นแนวยาวกว่า 30 เมตร กทม.มีความกังวลและได้หารือกับศปภ.เพื่อหาทางออก โดยระดับน้ำนอกและในคันบิ๊กแบ็กต่างกันอยู่ 11 ซม. ดังนั้นปริมาณน้ำจะทะลักเข้ามาพื้นที่กรุงเทพฯอาจจะส่งผลกระทบต่อถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดี พื้นที่เขตดอนเมือง เขตสายไหม คลองสอง คลองบางบัว และพื้นที่ต่อเนื่องด้วย
ส่วนกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอให้ผู้ว่าฯกทม.แก้ปัญหาน้ำในภาพรวม อย่าแก้เฉพาะในพื้นที่กทม.นั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า คำสั่งที่นายกฯส่งมาให้นั้นระบุชัดเจนให้ตนเองดูแลเฉพาะพื้นที่กทม. แต่หากจะเปลี่ยนคำสั่งให้ดูแลการแก้ปัญหาน้ำท่วมของทั้งประเทศก็ได้ ตนเองยินดีที่จะดูแลให้
**หลัง 2 ธ.ค.เปิดปตร.55แห่ง**
นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯมั่นใจว่าแผนการบริหารจัดการน้ำฝั่งตะวันตกที่ได้วางไว้จะทำให้ในช่วงต้นเดือนธ.ค. ประชาชนจะสามารถเข้าไปบ้านได้ ไปทำความสะอาดได้ ถนนสายหลักจะสัญจรได้ทั้งหมด แต่ในพื้นที่ลุ่มอาจจะมีน้ำท่วมขังและต้องใช้เครื่องสูบน้ำออก ซึ่งจะได้ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นวางแผนในการสูบน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขัง โดยในส่วนพื้นที่การเกษตร จะตกลงกับเกษตรในการกักน้ำส่วนหนึ่งไว้ ฉะนั้นคาดว่าประมาณกลางเดือนธ.ค.น่าจะสู่สภาวะปกติ แต่อาจจะยังไม่แห้งสนิทเท่านั้น
"ระหว่างวันที่ 14-28 พ.ย. ที่น้ำทะเลลง ก็ลงไม่ลึก เพราะฉะนั้นน้ำยังออกได้ไม่ดีและจากนั้นช่วง 28-30 พ.ย.น้ำจะขึ้นอีกเล็กน้อยในช่วงนี้ ต้องสู้ด้วยเครื่องสูบน้ำอย่างเดียว และหลังวันที่ 2 ธ.ค.ไปแล้ว น้ำทะเลจะลงลึกมาก เราจะเปิดประตูระบายน้ำทั้งฝั่งเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน ทั้ง 55 ประตู น้ำจะไหลลงสองทางอย่างเร็ว" นายธีระกล่าว
***เศรษฐกิจเสียหาย 1 ล้านล้าน
นายสมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ เปิดเผยในการเสวนา "ทิศทางเศรษฐกิจไทย ภายหลังสถานการณ์น้ำท่วม" จัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ว่า การบริหารจัดการปัญหาน้ำภายหลังน้ำลดจะยากกว่าช่วงน้ำท่วม ซึ่งรัฐบาลจะต้องปรับระบบการบริหารใหม่ และปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งแรก ยังพอให้อภัยได้ แต่ขณะนี้หมดเวลาแล้ว รัฐบาลจะต้องทำงานอย่างมีเอกภาพ ไม่เช่นนั้นจะมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2555
ทั้งนี้ ปี 2555 ถ้ารัฐบาลมีฝีมือผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพีก็มีโอกาสโตได้ 4-5% โดยรัฐบาลจะต้องบริหารในเรื่องของการใช้จ่ายจากภาครัฐที่คาดว่าจะมีการใช้เงินงบประมาณในการฟื้นฟูและเยียวยาต่างๆ ไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านบาท หรือคิด 20% ดูแลการลงทุนใหม่โดยทำแผนยุทธศาสตร์จัดการน้ำระยะยาวให้นักลงทุนเชื่อมั่น และกระตุ้นการบริโภคในประเทศ จีดีพีก็มีโอกาสกลับมาขยายตัวได้ 4-5%
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมขณะนี้ประเมินว่าสร้างความเสียหายต่อภาคเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมในชั้นต้นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,124,163 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 10.50 ของจีดีพี