xs
xsm
sm
md
lg

นักข่าว 7 สีจ่อถก ส.ทนายฯ ยื่นฟ้องแดงเอง หลัง ตร.เป่าคดี ห่วงแก๊งล่าแม่มดพรึ่บ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 (แฟ้มภาพ)
“สมจิตต์” แฉ สน.ดุสิต สั่งไม่ฟ้อง ปธ.นปช.เพชรบุรี อ้างเจ้าตัวบอกก๊อบปี้มาจากเว็บไม่ได้ข่มขู่ เล็งพบสภาทนายความสัปดาห์หน้ายื่นฟ้องเอง ซัด ตร.มองมุมแคบ ยันต้องโยงเหตุม็อบบีบพ้นช่อง 7 ด้วย ย้ำ หวังเป็นคดีตัวอย่าง ไม่มีสิทธิ์ละเมิดผู้อื่น ห่วงพวกล่าแม่มดระบาดแน่

วันนี้ (9 ธ.ค.) นางสาวสมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.พิตตินันท์ อุทธสิงห์ รองผู้กำกับการสืบสวนฯปฏิบัติราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลดุสิต มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง หลังแจ้งความดำเนินคดีกับ นางสาวพรทิพย์ ปักษานนท์ ประธาน นปช.เพชรบุรี ในข้อหา “ทำให้ผู้อื่นเกิดความหวาดกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ” จากการโพสต์รูปภาพนางสาวสมจิตต์ พร้อมข้อความ “เปิดโฉมหน้านักข่าวที่ทำให้นายกฯปูเดินหนี ที่แท้เป็นนักข่าวสาว ช่อง 7 สี จำหน้าหล่อนไว้นะครับ เห็นที่ไหนก็จัดให้หน่อยก็แล้วกันครับ” ส่งต่อผ่านจดหมายอิเลกทรอนิกส์ในกลุ่มเครือข่ายคนเสื้อแดง ว่า ตนได้รับหนังสือแจ้งเรื่องดังกล่าวจาก พ.ต.ท.พิตตินันท์ ลงวันที่ 3 ธันวาคม เมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.) เนื่องจากบ้านน้ำท่วมมาเป็นเวลากว่า 1 เดือน และเพิ่งกลับเข้าไปทำความสะอาด จึงทราบว่าตำรวจมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นางสาวพรทิพย์ แล้ว โดยในหนังสือดังกล่าวให้เหตุผลว่า

“สถานีตำรวจนครบาลดุสิต ขอเรียนว่า พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบได้รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว โดยมีความเห็นควร “สั่งไม่ฟ้อง” ผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ได้เป็นผู้เขียนข้อความและลงรูปภาพดังกล่าว โดยได้คัดลอกมาจากเว็บไซต์ที่มีผู้โพสต์ข้อความอยู่ก่อนแล้ว และไม่ได้มีเจตนาส่งข้อความถึงผู้กล่าวหาอันเป็นการข่มขู่แต่อย่างใด แต่ได้คัดลอกและส่งข้อความไปยังกลุ่มเพื่อนเพื่อสื่อสารถึงกัน”

น.ส.สมจิตต์ กล่าวว่า หลังจากรับทราบดุลพินิจของพนักงานสอบสวนแล้ว ได้โทรศัพท์ปรึกษากับ นายเกรียงศักดิ์ วรมงคลชัย อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ ได้รับคำแนะนำให้ไปที่สภาทนายความ เพื่อยื่นเรื่องต่อฝ่ายช่วยเหลือสภาทนายความให้สอบข้อเท็จจริง เพื่อตั้งสำนวนให้สภาทนายความช่วยเหลือ โดยถือว่าเป็นการพิทักษ์คุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย ซึ่งในคดีอาญากฎหมายให้สิทธิผู้เสียหายฟ้องดำเนินคดีเองได้ แม้ว่าพนักงานสอบสวนและอัยการจะสั่งไม่ฟ้องก็ตาม

“ในสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปที่สภาทนายความเพื่อปรึกษาข้อกฎหมายเกี่ยวกับคดีนี้ เพราะส่วนตัวเห็นว่าพนักงานสอบสวนตีกรอบการพิจารณาคดีเล็กกว่าข้อเท็จจริง เช่น ไม่มีการรวมผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกระทำของ นางสาวพรทิพย์ จนทำให้มีคนเสื้อแดงไปคุกคามที่ต้นสังกัด เพื่อขอให้ปลดดิฉันออกจากการเป็นผู้สื่อข่าว ซึ่งทางพนักงานสอบสวนอ้างว่าเป็นคนละเรื่องกัน ไม่สามารถนำมารวมเป็นเหตุในคดีเดียวกันได้ เรื่องนี้ดิฉันคิดว่าในคดีนี้นอกจากพฤติกรรมโดยตรงของ นางสาวพรทิพย์ แล้ว พนักงานสอบสวนควรจะได้พิจารณาถึงข้อเท็จจริงประกอบพฤติกรรมแวดล้อมที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยจึงจะถือว่าให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายอย่างแท้จริง” น.ส.สมจิตต์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวช่อง 7 กล่าวด้วยว่า ที่ต้องร้องทุกข์สภาทนายความไม่ใช่เพราะต้องการเป็นคู่กรณีกับคนเสื้อแดงไม่มีที่สิ้นสุด หรือจงใจหาเรื่อง น.ส.พรทิพย์ ซึ่งได้แจ้งไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า มีเจตนาที่จะให้คดีนี้เป็นตัวอย่างของการรักษาสิทธิตามกฎหมาย แม้จะเป็นคดีเล็กๆ มีความผิดลหุโทษ แต่ต้องการสื่อสารกับสังคม ว่า ไม่มีใครมีสิทธิทำผิดกฎหมาย หรือละเมิดสิทธิของผู้อื่น และทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการรักษาสิทธิของตัวเองไม่ให้ถูกละเมิดโดยใช้ช่องทางตามกฎหมายที่มีอยู่ พร้อมกันนี้ ยังแสดงความเป็นห่วงการใช้ดุลพินิจของพนักงานสอบสวนที่ระบุว่า การนำข้อความจากที่คนอื่นโพสต์ไปกระจายในหมู่เพื่อนตัวเองไม่ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย โดยไม่พิจารณาในเนื้อหาสาระว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้เสียหายหรือไม่นั้น ไม่น่าจะเป็นการส่งสัญญาณที่ถูกต้องต่อสังคม เพราะปัจจุบันเกิดปัญหาในโซเชียลมีเดียที่เรียกว่า “การล่าแม่มด” โดยมีคนจำนวนไม่น้อยที่ถูกกระทำในลักษณะเดียวกับตน คือ มีการโพสต์รูปภาพ ข้อความลักษณะข่มขู่ผ่านเฟซบุ๊ก จดหมายอิเลกทรอนิกส์ หรือแพระกระจายตามเว็บไซต์ต่างๆ หากตำรวจใช้ดุลพินิจเช่นนี้ เชื่อว่า ลัทธิล่าแม่มดในโลกอินเทอร์เน็ตก็จะแพร่ระบาดมากขึ้น เพราะมีตัวอย่างจากการสั่งไม่ฟ้อง นางสาวพรทิพย์ ของตำรวจ สน.ดุสิต แล้ว

ก่อนหน้านี้ น.ส.สมจิตต์ ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จาก พ.ต.ท.อภิชาติ นาคสุข พนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากได้สอบถามไปยังราชบัณฑิตยสถานเกี่ยวกับความหมายของคำว่า “จัดให้หน่อย” ไม่พบว่าเข้าข่ายข่มขู่ให้เกิดความตกใจกลัว อีกทั้งได้ทำหนังสือถึงกระทรวงไอซีที ก็ไม่สามารถหาต้นตออีเมลของผู้ที่โพสต์ได้ จึงเห็นว่า น.ส.พรทิพย์ ไม่มีความผิด เพราะไม่ได้เป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวด้วยตัวเอง อีกทั้งการส่งอีเมล์ก็ไม่ได้ส่งมาที่ผู้เสียหาย แต่เป็นการส่งต่อในหมู่เพื่อนเท่านั้น

สำหรับ นางสาวพรทิพย์ เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นบอร์ดบริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงวิจารณ์อย่างหนักว่า น.ส.พรทิพย์ ได้เป็นบอร์ด ทอท.เพราะผลงานไล่ล่าสื่อเข้าตารัฐบาล เนื่องจากไม่เห็นว่ามีคุณสมบัติใดโดดเด่นนอกจากการเป็นประธาน นปช.เพชรบุรี ที่ออกมาปกป้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น