โฆษกรัฐ เผย นายกฯ ยกพระราชดำรัสแจก ครม.อ้างน้อมนำจัดงาน 5 ธันวาแบบประหยัด เจียดงบไปช่วยน้ำท่วมแทน สั่งทุกกระทรวงลดให้หมด แต่หันมาทำโครงการรวมพลังคนไทยถวายพระพรชัยทั้งเดือนแทน ด้าน “ดีเจแดง” ยันรัฐเร่งทำน้ำแห้งก่อนสิ้นปี สั่ง รมว.มท., ทส., วิทย์ สูบน้ำออก รายงาน ครม.ทุกสัปดาห์ เลิกมหรสพ ไม่จ้างออแกไนซ์ พร้อมสั่งดูเยียวยาผู้ประสบภัย และช่วยชาวบ้านติดทะเล
วันนี้ (6 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.45 น.นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เริ่มการประชุม ครม.ด้วยพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ โดยได้มอบเอกสารเป็นพระราชดำรัส เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ให้แก่ ครม.ทั้งนี้ นายกฯ ระบุว่า ครม.จะน้อมนำกระแสพระราชดำรัส และขอจัดงานเฉลิมฉลองที่สนามหลวงอย่างประหยัด เน้นการจัดงานมหรสพที่ไม่ใช้งบประมาณมาก ซึ่งจะนำงบประมาณไปใช้แก้ปัญหาอุทกภัย ฉะนั้น ขอให้แต่ละกระทรวงลดงบประมาณเกี่ยวกับการจัดงานมหรสพลงไป ทั้งนี้ เนื่องจากเดือนนี้เป็นงานเฉลิมฉลองของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เดิมทีรัฐบาลจะทำโครงการ “5 ธ.ค.รวมพลังคนไทยถวายพระพรชัยมงคล” ในวันที่ 1-4 ธ.ค.ดังนั้น นายกฯ จึงกำหนดให้ทำทั้งเดือน โดยใช้หลักการและหลักคิดเดียวกันที่เป็นเชิงลักษณะความสามัคคีปรองดอง คือ การทำงานด้านสาธารณประโยชน์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ฉะนั้น ทุกกระทรวงจะต้องเป็นแกนกลางในเรื่องนี้
ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเช่นกันว่า นายกรัฐมนตรี ได้ยกกระแสพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยประชาชน ที่ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากขณะนี้พบว่ายังมีหลายชุมชนที่ยังมีน้ำท่วมขัง จึงอยากให้นำพระราชดำรัสไปบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน โดยรัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาพื้นที่ที่มีน้ำขัง โดยจะเร่งระบายให้แห้งทันในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ เพื่อประชาชนกลับเข้าไปได้ในวันที่ 1 ม.ค.55 ซึ่งขณะนี้พบว่าข้อมูลล่าสุด กรุงเทพมหานคร จ.ปทุมธานี และ จ.นนทบุรี ยังมีพื้นที่น้ำท่วมขังอยู่ 80-100 หมู่บ้าน ทั้งนี้ เพื่อให้คนไทยได้กลับเข้าบ้านได้ทันช่วงปีใหม่ โดยเรื่องนี้จะเน้นการแก้ไขให้เกิดการทำงานอย่างบูรณาการ ซึ่งนายกฯ มอบหมายให้ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เข้าไปช่วยเร่งระดมเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ทั้งหมดที่มีน้ำท่วมขัง โดยต้องทำงานร่วมกับทางกระทรวงมหาดไทย และหลังจากนี้ นายยงยุทธ นายปรีชา และ นายปลอดประสพ ต้องรายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาทุกสัปดาห์ในที่ประชุม ครม.
นอกจากนี้ นายกฯ ยังเน้นย้ำว่า โครงการต่างๆ ในการช่วยเหลือประชาชน ต่อจากนี้ไปจะต้องไม่มีเรื่องของงานมหรสพ แต่จะเน้นในเรื่องของเม็ดเงินให้ถึงมือประชาชนมากที่สุด เพื่อให้เกิดการหมุนเวียน และเกิดการใช้จ่ายภาคประชาชน โดยไม่เน้นการประชาสัมพันธ์ หรือที่ต้องมีการว่าจ้างบริษัทออแกไนซ์ ไม่เน้นงานรื่นเริง และจากนี้ไปไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใดๆ ในการแก้ปัญหา ขอให้มาอยู่ในโครงการ 5 ธ.ค.รวมหัวใจถวายพระพรในหลวงในทุกพื้นที่
ขณะเดียวกัน นายกฯยังให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดูในรายละเอียดคู่มือเยียวยา เพราะพบว่ายังมีข้อตกหล่น หรือยังมีช่องว่างอยู่ว่ายังมีข้อตกหล่นอะไรอยู่บ้าง เช่น กรณีของรถยนต์ ที่มีประกันชั้น 1 จะจ่ายอย่างไร หรือรถยนต์ที่ไม่ได้ทำประกันชั้น 1 จะมีการเยียวยาอย่างไร มอเตอร์ไซค์ที่ไม่ได้อยู่ในการประกันน้ำท่วม ช่วยเหลือเขาได้อย่างไร บ้านที่ไม่ได้ทำการประกันภัยไว้ รัฐบาลต้องเข้าไปช่วยเหลืออย่างไร ซึ่ง นายยงยุทธ จะเข้าไปดูว่าในคู่มือเยียวยามีข้อตกหล่นอะไรบ้างที่จะช่วยเหลือประชาชน ซึ่งกรณีของรถยนต์มอบให้ทางกระทรวงอุตสาหกรรมประสานไปยังต่างประเทศดูในเรื่องของอะไรที่ต้องนำเข้า และมอบให้ทางศูนย์เซ็นเตอร์ของกระทรวงศึกษาฯดำเนินการซ่อม โดยฝ่ายปฏิบัติการเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย พร้อมกันนี้ นายกฯได้เน้นยำว่า ทุกโครงการต้องเข้าถึงทุกพื้นที่และเข้าถึงประชาชนมากที่ สุด โดยต้องรายงานในที่ประชุม ครม.ทุกสัปดาห์เช่นเดียวกัน
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาเรื่องตัวเลขปริมาณน้ำที่อยู่บริเวณท้ายน้ำก่อนลงสู่ทะเล เช่น จ.สมุทสาคร สมุทรสงคราม และ สมุทรปราการ ที่ระบุว่า มีน้ำอยู่อยู่ กว่า 2 หมื่นล้าน ลบ.ม. ขณะที่ นายปลอดประสพ ระบว่าปริมาณน้ำมีจำนวนไม่ถึง 2 หมื่นล้าน ลบ.ม. และเท่าที่ตรวจสอบปริมาณน้ำอยู่ในปริมาณที่ 1.7 หมื่นล้าน ลบ.ม. ซึ่งหมายความว่า ส่วนที่เหลืออยู่ 3 พันล้าน ลบ.ม.น่าจะเป็นน้ำค้างทุ่ง ซึ่งอาจยังมาไม่หมด โดยจะสอดรับกับน้ำที่ท่วมขังอยู่ที่บางหมู่บ้านเวลานี้ ซึ่งปัญหาน้ำเวลานี้ คือ น้ำที่อยู่บริเวณตอนท้ายก่อนระบายลงสู่ทะเลนั้น นายกฯได้มอบหมายให้ นายปลอดประสพ ดำเนินการแก้ไข โดย นายปลอดประสพ แจ้งว่า จะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวในวันพุธ ที่ 7 ธ.ค.นี้ โดยก่อนหน้านี้ ได้ดำเนินการไปล่วงหน้าบ้างแล้ว โดยประชุมร่วมระหว่าง กรมประมง กรมเจ้าท่า และ กรมทรัพยากรทางทะเล เพื่อทำงานร่วมกัน รวมถึงประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการ ทั้ง 3 จังหวัด
นอกจากนี้ นายกฯ ระบุว่า โครงการเหล่านี้ถือว่าเป็นความคิดนอกกรอบ ขอให้นำรายงานเข้าที่ประชุม ครม.ด้วยเช่นกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น และประชาชนที่อยู่บริเวณตอนท้ายต้องดูแลด้วย เช่นประมงท้องถิ่น ยังพบว่ามีปัญหา ไม่สามารถทำประมงได้ เราต้องดูแลคนเหล่านี้ด้วย