ปชป.ขอบคุณรัฐบาลฟังประชาชน ไม่แก้เนื้อหา พ.ร.ฎ.อภัยโทษ จี้ถามจุดยืนคืนพาสปอร์ตให้ “ทักษิณ” นักโทษหนีคดีมีหมายจับติดตัวแต่กระทรวงการต่างประเทศกลับอำนวยความสะดวก ท้าแน่จริงถอนหมายจับไปเลย ย้ำหากจะปรองดองต้องหยุดสร้างเงื่อนไขความแตกแยกและไม่ก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม
วันที่ 4 ธ.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2554 ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ซึ่งในส่วนของเนื้อหาสำคัญมีถ้อยความไม่ต่างจากปีที่ผ่านมาว่า ต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่ยอมฟังเสียงประชาชน กระแสสังคม และยึดถือแนวปฏิบัติ ตามหลักนิติรัฐเหมือนกับรัฐบาลชุดก่อนๆ ทั้งนี้ การออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษดังกล่าวจะเหมือนกับว่ารัฐบาลจะยอมถอยแล้วก็ตาม แต่รัฐบาลก็จะต้องตอบคำถามถึงท่าทีและจุดยืนของรัฐบาลต่อตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างน้อย 2 ประเด็นสำคัญ คือ 1.การคืนพาสปอร์ตให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนักโทษหนีคดีนั้น ควรจะได้สิทธิในการถือพาสปอร์ตของประเทศไทยอย่างไร เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมของไทย อีกทั้งได้ไปถือสัญญาติและพาสปอร์ตของประเทศอื่นๆ มาแล้ว ดังนั้นรัฐบาลจะยึดถือหลักการใดในการปฏิบัติต่อ พ.ต.ท.ทักษิณในครั้งนี้กันแน่
นายเทพไทกล่าวว่า ข้อ 2.พ.ต.ท.ทักษิณเป็นบุคคลที่ถูกรัฐบาลไทยออกหมายจับกุมและเป็นที่ต้องการตัวของกระบวนการยุติธรรมไทย แต่รัฐบาลไทยกลับใช้กลไกของรัฐผ่านกระทรวงการต่างประเทศ อำนวยความสะดวกให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการเดินทางไปยังประเทศต่างๆ อย่างไม่เป็นต่างการ หนำซ้ำผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลชุดนี้หลายคนก็ได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเปิดเผย จึงอยากถามว่ารัฐบาลจะดำเนินการกับคนของตัวเองอย่างไร ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและไปพบผู้ต้องหาที่กระทำผิดกฎหมายโดยไม่ดำเนินการใดๆ ตามที่กฎหมายไทยต้องการ
“การกระทำเช่นนี้ถือว่ามีความผิดในฐานะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ จึงอยากจะให้รัฐบาลไทยได้ประกาศจุดยืนของรัฐบาลต่อตัว พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการออกหมายจับที่ผ่านมา เพราะถ้ารัฐบาลชุดนี้ยังปล่อยปละละเลยให้บุคคลในรัฐบาลไปพบและอำนวยความสะดวกให้อยู่ รัฐบาลก็ควรจะประกาศยกเลิกการออกหมายจับซะเลย จะได้ไม่เป็นการทำลายระบบนิติรัฐ ซึ่งรัฐบาลจะได้ไม่ถูกประณามว่าเล่นสองหน้าหรือปากว่าตาขยิบอีกต่อไป” นายเทพไทกล่าว
นายเทพไทกล่าวอีกว่า หากรัฐบาลจะสนับสนุนการปรองดองเหมือนกับที่ใช้เป็นเหตุผลในการเสนอตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองแห่งชาติ ที่มี พล.อ.พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ เป็นประธานจริง ก็ควรจะอำนวยความสะดวก หรือไม่สร้างเงื่อนไขใดๆ ที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม เพราะถ้าหากรัฐบาลไม่มีเอกภาพในทางความคิด ในทางปฏิบัติ กระบวนการปรองดองก็คงจะไม่เกิดขึ้น และความล้มเหลวทางการปรองดองก็จะมีสาเหตุมาจากน้ำมือของคนในมือรัฐบาล ดังนั้นตนอยากให้สังคมจับตาว่าการตั้ง กมธ.ปรองดอง เป็นแค่กลลวงหรือไม่
นายเทพไทกล่าวว่า นอกจากนี้ไม่อยากให้ กมธ.ปรองดองไปก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม หรือกดดันการดำเนินการใดๆ ของกระบวนการยุติธรรม เพื่อเป็นข้ออ้างในเรื่องการสร้างความปรองดอง มิเช่นนั้นกระบวนการยุติธรรมที่ได้รับความเชื่อถือมาเป็นเวลายาวนานก็อาจจะถูกสังคมเคลือบแคลงตั้งข้อสงสัยในกระบวนการยุติธรรมว่าจะโอนอ่อนผ่อนตามแรงกดดันของฝ่ายการเมืองหรือไม่ ควรจะปล่อยให้สถาบันตุลาการได้ทำงานอย่างอิสระ ปลอดจากแรงกดดันทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้นจะดีกว่า