นายกฯ อ้างยังไม่พอใจการทำงาน เหตุความคาดหวังประชาชนมีสูง พร้อมขอรับเสียงตำหนิ ชี้ปัจจุบันช่วยเหลือประชาชนน้ำท่วมพึ่งกองทัพเป็นหลัก ขณะบทบาทราชการยังไม่เต็มที่ เหตุมหาอทุกภัยเกิดแบบเฉียบพลันคาดไม่ถึง เผยจัดตั้งทีมภายในตรวจสอบทุจริตแล้ว ไม่พุ่งเป้าปรับ ครม. แต่ให้ทุกกระทรวงทำงานสนองประชาชนก่อน
วันที่ 2 ธ.ค. ระหว่างการปฏิบัติภารกิจที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเครือข่ายภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นเตรียมตรวจสอบการใช้งบประมาณฟื้นฟูและเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมของรัฐบาลว่า โดยหลักการแล้วยินดีที่จะรับการตรวจสอบ และยินดีให้ความร่วมมือ เพราะเจตนารมณ์ตั้งแต่วันแรกที่ได้แถลงต่อรัฐสภา อยากเห็นการทำงานทุกอย่างเป็นไปอย่างสุจริต และโปร่งใส และได้มีการย้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการตรวจสอบวิธีการดูแลผู้ประสบอุทกภัยในการใช้งบประมาณให้รัดกุมที่สุด
เมื่อถามว่า จะมีคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาดูแลในส่วนนี้เพื่อเป็นการตีกรอบหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า มี และขณะนี้ได้มีการจัดเตรียมทีมในการที่จะตรวจสอบภายใน ซึ่งในเบื้องต้นได้มอบหมายให้คณะรัฐมนตรีทุกคนลงไปในแต่ละจังหวัดเพื่อที่จะไปกำกับดูแลในส่วนของการกำกับดูแลเพื่อให้แน่ใจว่า การเยียวยาพี่น้องประชาชนคครอบคลุม เป็นไปโดยสุจริต และทั่วถึง และจะได้มีการมอบหมายให้ผู้ตรวจฯ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบหาความโปร่งใสในการใช้งบประมาณในช่วงที่เกิดปัญหาอุทกภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบใช่หรือไม่ว่า มีคนคอยจับจ้องที่จะตรวจสอบการทุจริต นายกฯ กล่าวว่า ทราบ แต่ก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะอยากให้กลไกของสังคมที่เป็นกลไกของประชาธิปไตย พร้อมที่จะให้การตรวจสอบ และจริงๆ แล้วขอให้ช่วยแจ้งข้อมูล เพราะเราอยากเห็นการใช้งบประมาณต่างๆ เป็นไปอย่างสุจริตอยู่แล้วตั้งแต่ต้น อยากให้ช่วยกันติดตามเพื่อให้กลไกต่างๆ ดำเนินการได้อย่างครอบคลุม ที่สำคัญต้องสุจริตและโปร่งใส
เมื่อถามว่า มีการคาดโทษหรือไม่ถ้าพบว่าเกิดการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีหรือข้าราชการก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า แน่นอน เราได้มีการย้ำไปแล้วทางด้านของ ครม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการกำกับการทำงาน แต่ถ้าเราพบในเรื่องของการทุจริตต่างๆ ต้องดำเนินการตามขั้นตอน รวมถึงการลงโทษทางวินัยด้วย
เมื่อถามต่อว่า ในช่วงระยะเวลาการแก้ไขปัญหาน้ำที่ผ่านมาพรรคร่วมรัฐบาล และรัฐมนตรีได้ให้ความร่วมมือเป็นหนึ่งอันเดียวกันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราต้องบอกว่า การให้ความร่วมมือก็ได้รับความร่วมมือ แต่การทำงานให้กลไกสอดคล้องกันอย่างเป็นทีม บางครั้งอาจเป็นเพราะเหตุการณ์อุทกภัยที่เข้ามาถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น จึงเป็นภาวะที่การรองรับกับแผนสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ จึงทำให้การทำงานของแต่ละกระทรวงหรือหน่วยงานต่างๆ มีอุปสรรคบ้าง จึงทำให้เกิดความไม่เรียบร้อย ซึ่งตรงนี้ต้องยอมรับ และจะพยายามนำปัญหาที่ผ่านมาเป็นบทเรียนที่จะมาปรับปรุงแก้ไข
ผู้สื่อข่าวถามว่า องคาพายพทั้งหมดคิดว่าต้องมีการปรับปรุงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า องคาพายพวันนี้ภายใต้ทั้งหมดจะอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยคือ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แต่ด้วยศูนย์นี้ถูกเป็นที่รับสถานการณ์ในเรื่องของอุทกภัยแบบปกติ ยังไม่ถูกเป็นศูนย์รวมที่ถูกบูรณาการอย่างแท้จริง หรือแม้กระทั่งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)ที่เรามารวมกันเฉพาะกิจ ซึ่งเราเห็นปัญหาของข้อนี้เป็นช่องว่าง ดังนั้นในอนาคตคงต้องมีการรวมศูนย์และวางขั้นตอนต่างๆ เพื่อรองรับวิกฤตการณ์อุทกภัยที่เกิดอย่างเฉียบพลัน และในส่วนของระบบการวางแผน การซักซ้อม
“วันนี้เรายังไม่ได้ทำกันในขั้นนั้น ซึ่งจริงๆ ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทางกองทัพจะถูกฝึกมาในการรองรับแผนฉุกเฉินอุทกภัยค่อนข้างเยอะ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี โดยปัจจุบันเราได้อาศัยกำลังทางกองทัพค่อนข้างเยอะ แต่ทางด้านหน่วยงานราชการยังไม่ถูกทำในบทบาทดังกล่าว จึงทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความค่อนข้างยาก ทั้งที่ใจอยากช่วยแต่ไม่รู้ขั้นตอนต่างๆ ในการทำงานในการตอบสนองต่อสถานการณ์อุทกภัยอย่างรุนแรงว่า จะต้องเริ่มอย่างไรก่อน จึงทำให้การทำงานต่างกัน” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงความพอใจของนายกฯ ต่อการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมว่ามากน้อยแค่ไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “ถ้าถามถึงความรู้สึกของดิฉันเองก็ไม่เคยพอใจหยุดอยู่กับที่ อยากจะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำได้สเต็ปหนึ่งก็อยากทำให้ดีขึ้นอีก โดยเฉพาะวันนี้ความเดือดร้อนของประชาชนคนไทยที่ยังทุกข์อยู่ เพราะประสบกับปัญหาต่างๆ ถ้าถามว่า เราเองอยากจะทำให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ” ทั้งนี้ด้วยลำพังตัวเองก็ไม่สามารถที่จะทำได้สำเร็จ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกส่วน แต่เรื่องของเครื่องมืออุปกรณ์หรือขั้นตอนต่างๆ ต้องมาสัมพันธ์กันด้วย และถ้าถามว่า วันนี้อยากทำอะไรเพิ่มขึ้นหรือไม่ ก็อยากทำเพิ่มมากขึ้นโดยเอาบทเรียนที่ผ่านมา และประสบการณ์ครั้งนี้ไปเตรียมที่จะรองรับแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า
เมื่อถามว่า เสียงตำหนิทำให้นายกฯ รู้สึกอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ขอรับเสียงตำหนิติเตียนเป็นข้อคิดในการผลักดันที่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชน และยินดีที่จะน้อมรับทุกคำบ่น หรือทุกปัญหาเพราะถือเป็นหน้าที่ของตนต้องรับใช้พี่น้องประชาชน และพยายามที่จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีนั้น นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดถึง เพราะวันนี้อยากที่จะเร่งในการแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนก่อน ส่วนเรื่องของการทำงานเป็นเรื่องปกติที่จะต้องทำงานไปประเมินไป ส่วนตรงไหนที่รองรับได้ดีเราก็ทำต่อไป ซึ่งวันนี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ปรับ ครม.แต่พุ่งเป้าว่าทุกกระทรวงต้องทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ สามารถตอบสนองกับความต้องการของประชาชน แก้ไขปัญหาประชาชนให้เต็มที่ นี่ต่างหากที่เป็นสิ่งที่อยากได้
เมื่อถามว่าวันนี้นายกฯ พอใจผลการทำงานของรัฐมนตรีหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “เราไม่เคยพอใจในสิ่งที่เราทำในวันนี้หรอกคะ เพราะว่าความคาดหวัง หรือความต้องการของพี่น้องประชาชนต้องเพิ่มสูงขึ้นด้วย และแน่นอนในฐานะของรัฐบาลก็เหมือนคนที่ทำงานบริการให้กับประชาชน จึงต้องขยับตนเองขึ้นไปให้ตรงกับความคาดหวังของประชาชน แปลว่า เราเองต้องคอยปรับตัวด้วย และพยายามทำให้เต็มที่ โดยลดช่องว่างความคาดหวังของประชาชนให้มากที่สุด”
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่ว่าต้องมีการปรับครม. ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นในเร็ววันนี้ นายกฯ กล่าวว่า การปรับเป็นเรื่องปกติเพื่อให้งานดีขึ้น และไม่ได้มาบอกว่า จะต้องปรับวันนี้หรือพรุ่งนี้ หรือเร่งปรับก็ดูไปก่อน และปีใหม่ก็มีภารกิจเยอะทั้งในวันมหามงคล 5 ธันวาฯ อยากขอให้ทำงานโดยราบรื่น
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงการปรองดองว่า พร้อมที่จะคุยกับทุกฝ่าย หากใครเชิญมาก็จะเดินไปคุยถึงที่ ถ้าแนวทางนั้นจะทำให้เกิดความปรองดองขึ้นมาได้