โฆษก ปชป.ฉะ “เฉลิม” ชี้นำคดี 91 ศพ จึ้เร่งสอบคดีทหาร ตำรวจเสียชีวิต รวมทั้ง 13 ศพ ที่ ดีเอสไอ ระบุว่า เกิดจากการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดง ขณะเดียวกัน เฉ่งรัฐบาลบิดเบือนกรณีถุงยังชีพ เหน็บ รมว.พลังงาน ปชป.เป็นลูกผู้ชายพอที่จะแอบอ้างเป็นของตัวเอง พร้อมตำหนิ ศปภ.ประชาชนพึ่งพิงไม่ได้
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความพยายามของรัฐบาลในการที่จะชี้นำประเด็นการสืบสวนของเจ้าพนักงานในเรื่องของคดีความเหตุการณ์การชุมนุมในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมาที่มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการดำเนินการในเรื่องนี้ มักจะออกมาให้ความเห็นชี้นำ และกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะในคดีการเสียชีวิต 13 ศพ รวมทั้งการเสียชีวิตของช่างภาพญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในระหว่างการสอบสวนแต่กลับมีการมาพูดว่าอาจจะเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ก็มีการส่งให้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้ดูแล
นายชวนนท์ กล่าวว่า รัฐบาลควรปล่อยให้เจ้าหน้าที่ได้มีโอกาสทำงานสืบสวนข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาปราศจากแรงกดดันและต้องไม่นำเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ปล่อยให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง มากไปกว่านั้นหากรัฐบาลมีความจริงใจในการที่จะสะสางคดีความทำข้อเท็จจริงให้ปรากฎก็ควรดำเนินการอย่างเต็มที่ในทุกกลุ่มผู้เสียหาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้เสียชีวิตจำนวน 12 ราย ซึ่งเบื้องต้น DSI ได้มีความเห็นว่า เชื่อได้ว่า เกิดจากการกระทำของกลุ่ม นปช. ซึ่งรวมถึงการเสียชีวิตของพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ รวมถึงผู้เสียชีวิตจากเพลิงไหม้ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ รวมทั้งเร่งรัด คดีการเสียชีวิตที่ยังไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้ ซึ่งมีอีกถึง 64 ราย ที่รอคำตอบจากรัฐบาล
“เหตุใดรัฐบาลจึงมุ่งดำเนินการเพียงส่วนที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ จึงทำให้มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากการใช้เจ้าหน้าที่รัฐ กลไกของรัฐ มาเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งคู่ต่อสู้ทางการเมือง รวมถึงพยายามจะทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดว่าทั้ง 91 ศพนั้นเป็นผลมาจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งการปฏิบัติงานของรัฐบาลชุดก่อน ทั้งๆ ที่ในความจริงใน 91 ศพมีประชาชน ผู้บริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ จำนวนมาก ที่ต้องรับเคราะห์ไปในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วย”
นายชวนนท์ ยังกล่าวถึงการทุจริตถุงยังชีพผู้ประสบอุทกภัยที่รัฐบาล พยายามออกมาพูดจาบิดเบือนอย่างไร้ความละอายใจ เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่ตรงกันข้ามอย่างชัดเจน อย่างที่ฝ่ายค้านได้อธิบายในสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากเราชี้ให้เห็นว่าคนของฝั่งรัฐบาล มีการกั๊กของบริจาค มีการนำของบริจาคไปแอบอ้างชื่อ ใส่ชื่อ เปลี่ยนชื่อ ให้เป็น ส.ส.ฝั่งรัฐบาล หรือผู้สนับสนุนของรัฐบาลอย่างน่าไม่อาย ตรงกันข้าม พรรคประชาธิปัตย์ได้ขอความอนุเคราะห์จากผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกขอถุงยังชีพแจกผู้ประสบภัย ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่สามารถกระทำได้ และถุงยังชีพเหล่านั้นก็เป็นถุงยังชีพที่กระทรวงพลังงาน ทิ้งไว้และไม่ได้มีแผนการแจกจ่ายจริงตามที่รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานกล่าวอ้าง เราจึงอาสานำของที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนไปแจกจ่าย และพูดชัดเจนว่าของเหล่านั้นเป็นของหน่วยงานราชการหน่วยใด ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่มีความจริงใจและเป็นลูกผู้ชายพอ ที่จะไม่แอบอ้างของๆ คนอื่น
ดังนั้น จึงน่ารังเกียจ และอดสูใจเป็นอย่างยิ่งที่คนในรัฐบาลกลับใช้พฤติกรรมบิดเบือนอย่างร้ายแรง และน่าเกลียด ดังนั้น จะเห็นได้ว่ารัฐบาลนี้นอกจากจะกั๊กของบริจาคแอบอ้างของบริจาคจากพี่น้องประชาชนแล้ว ยังมีพฤติกรรมกั๊กของหลวง โดยที่ไม่ได้มีการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างเต็มที่ และยังไม่ต้องการให้ ส.ส.ฝ่ายค้านได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน จึงเป็นพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัว และน่ารังเกียจเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนในกรณีที่ ครม.กำชับให้กระทรวงมหาดไทยไปตรวจสอบการดำเนินการของแต่ละจังหวัดนั้น นายชวนนท์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า เป็นการลุแก่อำนาจ กดดันข้าราชการ ทั้ง ๆ ที่การปฏิบัติหน้าที่เหล่านี้ระหว่างส่วนราชการและผู้แทนประชาชนในพื้นที่เป็นเรื่องปกติดังนั้น พรรคฯ จึงขอท้าว่าอย่าดีแต่บิดเบือน ดีแต่โกหก ถ้าตรวจสอบแล้วขอให้เปิดเผยให้หมดว่ามีใคร หรือ ส.ส.คนใดของพรรคใด ที่เคยขอความอนุเคราะห์สิ่งของช่วยเหลือจากจังหวัดหรือส่วนราชการอื่นๆ และพรรค อยากจะเห็นว่า ไม่มี ส.ส.ในฝั่งรัฐบาลเลยใช่หรือไม่ ที่เอาของๆ ทางราชการไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน หรือมีแต่ ส.ส.รัฐบาลที่ไปเอาของหลวง แต่ไปเปลี่ยนติดชื่อ แปะชื่อ สกรีนชื่อให้เป็นชื่อของตนเอง อย่างเช่นในกรณีที่เกิดขึ้นกับเรือ และสุขา
ส่วนประเด็นการบริหารราชการของ ศปภ.นั้น พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า ประชาชนคงไม่สามารถพึ่งพิงรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น ศปภ.หรือผู้รับผิดชอบอื่นๆ ได้แล้ว เพราะจะเห็นได้ว่าขณะนี้ มีผู้ที่มีอำนาจมากกว่ารัฐบาล หรือแม้แต่นายกรัฐมนตรีที่สามารถกำหนดการเปิดปิดประตูระบายน้ำได้ดั่งใจ สามารถที่จะมีอำนาจเหนือกฎหมาย ทั้งๆ ที่คนที่ดำเนินการก็เป็นคนของรัฐบาล แต่กลับไม่มีการออกมาตักเตือนหรือลงโทษ เท่ากับว่า รัฐบาลชุดนี้สนับสนุนให้คนทำผิดกฎหมาย ขณะนี้ประชาชนยังต้องเผชิญกับความทุกข์ยาก แสนสาหัส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำเน่า เรื่องของอาหารการกิน เรื่องของการฟื้นฟู เรื่องของการรักษาความปลอดภัยในการเดินทางกลับเข้าบ้าน แต่รัฐบาลไม่เคยมีความชัดเจนใดๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประเด็นสาธารณสุข โรคติดต่อ โรคระบาดที่อาจมากับน้ำ รัฐบาลไม่เคยแนะนำวิธีป้องกัน หรือแก้ไขหากได้รับปัญหาเหล่านี้
รวมทั้งปัญหาความปลอดภัย มีพี่น้องประชาชนที่ถูกไฟช็อต ไฟดูดตายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ขอประนามการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาล และศปภ. และยืนยันว่าจะติดตามตรวจสอบผู้ที่ปล่อยปละละเลยทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากการบริหารที่ผิดพลาดเพื่อชี้ให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาล และผู้ที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบและชดใช้