แพทย์ระบุ “ยิ่งลักษณ์” อาการดีขึ้น พร้อมบินเยือนเวียดนาม แต่ต้องมีแพทย์ไปดูอาการด้วย ด้าน รมว.ต่างประเทศ เผยขอเวียดนามแล้วไม่ต้องเลี้ยงอาหารเย็น หลังเสร็จสิ้นการหารือระหว่างผู้นำบินกลับทันที
นพ.อาทิตย์ เจียรนัยศิลาวงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลพระรามเก้า แถลงถึงความคืบหน้าอาการป่วยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าขณะนี้อาการของนายกรัฐมนตรีดีขึ้นมาก อาการท้องเสียดีขึ้น ผลการตรวจอุจจาระดีขึ้น โดยสรุปอาการทุกอย่างดีขึ้นมาก แต่ยังคงอ่อนเพลียเล็กน้อย แต่ไม่ใช่อุปสรรคในการทำงานแต่ก็ต้องดูแลตนเอง งดอาหารที่มีรสจัดไปก่อน และคิดว่าเวลาประมาณ 12.00 น.คงจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ตามที่นายกรัฐมนตรีต้องการเดินทางไปเยือนต่างประเทศ
นพ.อาทิตย์กล่าวว่า ขณะนี้ทางทีมแพทย์ยังให้น้ำเกลือใส่ยาฆ่าเชื้ออยู่ ซึ่งจะต้องรอให้หมดขวดนี้ก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทีมแพทย์ได้ให้น้ำเกลือไปแล้ว 2 ขวด อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี นพ.วิชัย ศิริบุญคุ้ม แพทย์เฉพาะทางติดเชื้อทางเดินอาหาร ในฐานะแพทย์เจ้าของไข้ จะร่วมเดินทางไปด้วย เพื่อเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด และเมื่อเดินทางกลับจากภาระกิจจากต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีจะต้องกลับมาตรวจร่างกายอีกครั้ง แต่คงไม่ต้องนอนพักรักษาตัวอีก เพราะอาการทุกอย่างถือว่าดีขึ้นมาก ทั้งนี้หลังออกจากโรงพยาบาล นายกรัฐมนตรีคงต้องรับประทานยาต่อไปให้ครบตามที่แพทย์สั่ง
นพ.อาทิตย์กล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่ทำให้นายกรัฐมนตรีเกิดอาการท้องเสียนั้น จากการสอบถามทางองค์การอาหารและยา (อย.) ระบุว่า อาจจะเกิดจากน้ำจิ้มอาหารทะเล เพราะบางครั้งอาจจะเก็บน้ำจิ้มที่ทำตั้งแต่เช้าและใช้จนถึงเย็นโดยไม่ได้ใส่ในตู้เย็น อย่างไรก็ตาม คงต้องรอผลการเพาะเชื้อซึ่งต้องใช้เวลา 3 วัน จึงจะทราบผลที่ชัดเจน
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการเดินทางเยือนเวียดนามของ นายกรัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรีได้ขอให้เวียดนามไม่ต้องเลี้ยงอาหารเย็น โดยก่อนออกเดินทางเยือนเวียดนามในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีคงทานอาหารอ่อนๆ และให้น้ำเกลือไป เพราะนำแพทย์และพยาบาลเดินทางร่วมคณะไปด้วย หลังพิธีการต้อนรับเสร็จสิ้นนายกรัฐมนตรีก็จะเดินทางกลับทันที ตนได้แจ้งไปทางเวียดนามว่าขออนุญาตไม่รับประทานอาหารเย็น เพราะนายกรัฐมนตรีคงจะทานอะไรไม่ได้ คณะก็จะเดินทางกลับถึงไทยประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับตนเมื่อคืนที่ผ่านมาว่าจำเป็นต้องเดินทาง จะเลื่อนคงไม่ดี เพราะเวียดนามตั้งใจต้องรับเราอย่างเป็นทางการ และหากเจ็บหนักก็พร้อมนอนให้น้ำเกลือต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการหารือข้อราชการหรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า มี โดยนายกรัฐมนตรีของไทยพบกับนายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีของเวียดนาม และมีการหารือแบบทวิภาคี ซึ่งโปรแกรมการหารือยังเป็นไปตามปกติ โดยประเด็นที่จะหารือทวิภาคีมีเรื่องที่กระทรวงพลังงานต้องการที่จะซื้อก๊าซจากเวียดนาม เรื่องการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีที่เคยทำ เรื่องความสัมพันธ์ด้านการลงทุนระหว่างกันอาจจะมีการพูดเรื่องการขายข้าวว่าจะร่วมมือกันไม่แข่งขันกันเองเพราะจะทำให้ราคาข้าวตกต่ำ ซึ่งเรากับเวียดนามเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่
นอกจากนี้จะมีการหารือความสัมพันธ์ทั่วไป เรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติ เรื่องลำน้ำโขง ในเรื่องการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติร่วมกันตลอดลำน้ำโขง และความมั่นคงทางอาหาร เพราะ 3-4 ประเทศในอาเซียนจะผลิตอาหารป้อนโลก ฉะนั้นปีไหนน้ำแล้งจะมีการดูแลอย่างไรไม่ให้ประชาคมโลกต้องขาดแคลนอาหาร