“จิ๋ว” เชื่อคำพูด ผบ.ทบ.ทหารไม่ปฏิวัติ แต่หากไม่มีการเลือกตั้งเป็นเพราะรัฐบาลดึงเวลาอยู่ครบเทอม “ไพจิต” ปฏิเสธเพื่อแม้วดึง “เสนาะ” ร่วมก๊วนหวังป้องกันความขัดแย้ง
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ออกหนังสือ “อย่าให้ใครเผาประเทศไทยอีก” เพื่อนำรายได้ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้ ที่จะเปิดตัวที่พรรคประชาธิปัตย์ในวันพรุ่งนี้ว่า คงไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยและคงไม่มีผลกระทบอะไร คาดว่าเนื้อหาส่วนใหญ่คงเป็นประเด็นการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งนี้เห็นว่าการออกหนังสือดังกล่าวเป็นเรื่องธรรมดา นายสุเทพอาจเกิดอาการหวั่นไหวและคิดมากจากการชุมนุมที่ระยะหลังมีบ่อยขึ้น
ส่วนข่าวการปฏิวัตินั้น พล.อ.ชวลิตมองว่า ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะผู้มีอำนาจอย่างผู้บัญชาการทหารบกเคยย้ำหลายครั้งว่าจะไม่ทำเรื่องดังกล่าว ซึ่งพรรคเพื่อไทยสนับสนุนแนวทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย แต่หากจะมีเหตุไม่ให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นคงเป็นเพราะรัฐบาลดึงเวลาเพื่ออยู่ต่อจนครบเทอม เพราะไม่พร้อมเลือกตั้งมากกว่า อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยพร้อมทำงานการเมืองในทุกรูปแบบเพื่อแก้ไขปัญหาประชาชน
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าการที่พรรคเพื่อไทยดึงนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เข้าร่วมงานเพื่อป้องกันความขัดแย้งในพรรคว่าไม่เป็นความจริง เพราะการเข้ามาของนายเสนาะทำให้พรรคเพื่อไทยมีความสมบูรณ์มากขึ้น และนายเสนาะก็เป็นผู้ใหญ่ทางทางการเมืองที่มีความคิดและประสบการณ์ ส่วนเรื่องตำแหน่งก็คงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ด้าน นายไชยา พรหมมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความพร้อมในการเลือกตั้งว่า ในส่วนของผู้สมัคร ส.ส.ของพื้นที่ภาคอีสานขณะนี้พร้อมแล้วกว่าร้อยละ 90 ซึ่งในการประชุม ส.ส.ของพรรควันนี้ ได้มีวาระสำคัญคือการเรียกให้ ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.ในภาคอีสาน เข้าร่วมประชุมในเวลา 14.30 น.เพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้งด้วย เนื่องจากภายหลังมีการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ภาคอีสานต้องมี ส.ส.ลดลงจากเดิม
นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัจจุบันที่ราคาข้าวตกต่ำเนื่องจากมีความพยายามล็อกกลุ่มผู้ขายข้าวเพื่อขยายตลาด โดยเดือนที่ผ่านมารัฐบาลได้ขายข้าวของรัฐบาลในรูปแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ไปที่ประเทศบังกลาเทศ และก็ได้มีการล็อกกลุ่มว่า ผู้ที่จะส่งออกจะต้องเป็นผู้ที่เคยมีประสบการณ์ส่งออกข้าวย้อนหลัง 3 ปี ซึ่งไม่เคยมีใครต้องนำประสบการณ์ย้อนหลังเช่นนี้ จึงเห็นได้ชัดเจนว่ารัฐบาลมีความพยายามล็อกกลุ่มและผูกขาดผู้ค้าไม่กี่ราย คือ เอเชียโอเชี่ยนไลฟ์ และข้าวชัยพร ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกตกต่ำ และรัฐบาลก็ไม่มีความสามารถที่จะทำให้มีการแข่งขันแบบปกติได้ โดยในวันนี้ราคาข้าวเปลือกที่ขายในต่างประเทศนั้นมีราคาแพง แต่ภายในประเทสกลับมีราคาถูก เพราะคนมีกลุ่มคนที่มีอำนาจต่อรองพวกพ้องและมีรัฐบาลเป็นกลไลในการดำเนินการ
