ผ่าประเด็นร้อน
การประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ (29 พฤศจิกายน) ที่มี ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานแทน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่อ้างว่าท้องเสียต้องเข้ารักษาอาการที่โรงพยาบาลเป็นการด่วน มีการอนุมัติงบประมาณการฟื้นฟูหลังน้ำลดของหลายหน่วยงาน ในเบื้องต้นรวมแล้วไม่กี่พันล้านบาท ซึ่งต้องย้ำว่านี่เป็นแค่นำร่อง เบาะๆ ของจริงระดับหลายหมื่นล้าน เช่น งบประมาณฟื้นสาธารณูปโภคขั้นฟื้นฐาน ถนนหนทาง สะพาน รวมไปถึงงบที่เกี่ยวกับแผนป้องกันน้ำท่วมชุดใหญ่ยังไม่นับรวมเข้ามา
หากพิจารณาจากสถานการณ์โดยรวมก็ต้องยอมรับว่าระดับน้ำแทบทุกแห่งอยู่ในระดับทรงตัวและเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่า “ดีขึ้น” อย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ต้องพบกับน้ำท่วมขังมานานนับเดือน บางพื้นที่ท่วมน้ำถึง 2-3 เดือน ทุบทำลายสถิติอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ปัญหาที่เกิดขึ้นหลายฝ่ายสรุปตรงกันว่า การบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน รัฐบาลที่นำโดยนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ที่นำโดย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ทำหน้าที่ได้อย่างล้มเหลว สับสนอลหม่าน การช่วยเหลือทำได้ไม่ทั่วถึง ล่าช้า ที่สำคัญที่สุดเกิดการทุจริตการจัดซื้อถุงยังชีพ และอุปกรณ์บรรเทาทุกข์ โกงได้แม้กระทั่งส้วม ถือว่ายอดมนุษย์จริงๆ รวมไปถึงการใช้มวลชนมาขู่บังคับการทำหน้าที่ของเจ้าหนักงานส่งผลให้การระบายน้ำทำโดยขาดหลักวิชาการ ซ้ำเติมความเสียหายมากขึ้นไปอีก
ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นนอกจากได้รับการวิจารณ์จากสื่อ มีเสียงก่นด่าจากชาวบ้านทั่วประเทศ และล่าสุดเพิ่งโดนฝ่ายค้านยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย แม้ว่าจะผ่านการลงมติไว้วางใจไปได้ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น แต่รับรองว่าเมื่อพิจารณาจากอารมณ์และความรู้สึกของสังคมทั่วไปต้องออกมาในทางตรงข้ามแน่นอน
กลายเป็นว่ายิ่งผลการลงมติออกมาแบบนี้ น่าจะยิ่งเพิ่มอารมณ์โกรธมากขึ้นไปอีก เพราะเหมือนกับว่าเป็นการฝืนความรู้สึกของชาวบ้าน ตรงกันข้ามกับความเป็นจริง
เมื่อกล่าวถึงความด้อยประสิทธิภาพ บริหารงานที่ห่วยแตก ที่สำคัญปล่อยให้มีการทุจริตเกิดขึ้นแทบจะทุกขั้นตอน และน่าทุเรศก็คือเป็นการทุจริตในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ บนความเดือดร้อนของชาวบ้าน อย่างเช่น งบประมาณในการจัดซื้อถุงยังชีพ ที่สิ่งของอุปโภคบริโภคคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ขณะที่ราคาแพงลิบอย่างไม่น่าเชื่อ
นั่นเป็นภาพที่แสดงให้เห็นว่าแค่งบประมาณจัดซื้อเพียงไม่กี่สิบล้านบาทยังมีการโกง ทุจริตกันไม่ต่างจาก “แร้งทึ้ง” ขณะที่ผู้บริหารสูงสุดไล่เรียงลงมาตั้งแต่ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนมาถึง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอกในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กลับไม่รู้สึกรู้สา กลับพูดปฏิเสธหน้าตาเฉยว่าไม่มีเรื่องอุบาทว์ดังกล่าวเกิดขึ้นในศูนย์ดังกล่าว อ้างว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่มีชื่อและแอบอ้างนำของบริจาคไปแจกจ่ายในชื่อตัวเองเพื่อหาเสียง มีหลักฐานที่ปรากฏออกมากลับได้รับการรับรองว่านี่คือพวกจิตอาสาเข้ามาช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเสียอีก
แม้ว่าจะมีการปฏิเสธกันอย่างหน้าด้านๆ แต่ไม่เป็นไรถ้าคิดว่ายังมีชาวบ้านเชื่อถือกับคำพูดเหล่านั้น เพราะเชื่อว่าความจริงย่อมหนีความจริงไปไม่พ้น หนทางพิสูจน์ยังมีอีกยาวไกล ที่ผ่านมาเพียงแค่สังคมได้ตั้งสติหันมาหยุดคิดว่าในเมื่ออำนาจรัฐทุกอย่างในมือ มีกลไกข้าราชการที่พร้อมรับใช้อย่างพร้อมสรรพแต่เมื่อยังทำไม่ได้อย่างราคาคุยเอาไว้ มันก็น่าสรุปกันได้เสียทีว่าที่แท้ก็เป็น “ของปลอม” สร้างภาพไม่ต่างจากคนอื่น
เมื่อผลงานในอดีตที่ล้มเหลวอย่างไรก็ย่อมชี้ให้เห็นแนวโน้มในอนาคตได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะงบประมาณสำหรับใช้ในการฟื้นฟูอีกนับแสนล้านบาท ที่จะเกิดหลังน้ำลดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าว่าจะสามารถบริหารจัดการงบประมาณเป็นประโยชน์ตกไปถึงประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน ไม่มีใครให้การรับประกันได้เลย เนื่องจากแต่ละคนขาดความน่าเชื่อถือ ตรงกันข้ามยังทำให้เกิดความระแวงเพิ่มขึ้นไปอีก
สิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นก็คือ เป็นการหาช่องทางเข้าไปหาผลประโยชน์ ฉวยโอกาสหารายได้จากความเสียหายจากอุทกภัย เพื่อขอใช้งบประมาณในการจัดซื้อ ซึ่งต้องจับตาหน่วยงานหลักที่คาดว่าต้องใช้งบประมาณหลักหมื่นล้านบาทขึ้นไปคือ กระทรวงมหาดไทยที่จะต้องแจกจ่ายไปให้กับจังหวัดต่างๆทั่วประเทศที่ประสบภัย กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น แม้ว่าการฟื้นฟูเป็นสิ่งจำเป็น แต่สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับการฟื้นฟูดังกล่าวก็คือการทุจริต ยิ่งมีคน “ห่วยแตก” บริหารจัดการด้วยแล้วมันก็ยิ่งเน่าเฟะไปกันใหญ่
แต่อีกด้านหนึ่งมันก็จะได้เห็นสันดานดิบที่แต่ละคนจะแสดงออกมา เพราะบางครั้งการจะพิสูจน์อะไรออกมาให้เห็นก็ต้องอดทน กลั้นความรู้สึกให้นานที่สุดให้ได้!!
