“ประยุทธ์” ติง พท.นำคดี 91 ศพ ฟ้องศาลโลกเหมาะสมหรือไม่ ชี้ เป็นเหตุการณ์ในประเทศ หากนำไปฟ้องศาลระหว่างประเทศ กระบวนการยุติธรรมไทยจะหมดความน่าเชื่อถือ ยันไม่มีผลต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ในอนาคต เพราะปฏิบัติตามกฎหมายและคำสั่งที่ชอบ ปรามหยุดดึงทหารเข้าไปอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง เชื่อ “ประชา” เร่งคดีล้มเจ้าไม่กระทบคดีกระชับพื้นที่แดง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการระหว่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร จะนำคดี 91 ศพคนเสื้อแดงไปฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ว่า ต้องดูว่า สามารถทำได้แค่ไหน อย่างไร เพราะเรายอมรับในกระบวนการยุติธรรม และกระบวนการประชาธิปไตยอยู่แล้ว ตนไม่ขัดข้อง หากทำได้ก็ทำ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องภายในประเทศของเรา ซึ่งกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยใช้ได้อยู่แล้ว ส่วนจะสร้างความขัดแย้งเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ทุกคนทราบดีแยู่แล้ว การใช้กระบวนการภายในของเราน่าจะทำได้ดี ไม่เช่นนั้นความน่าเชื่อถือของกระบวนการภายในประเทศไทยคงจะลำบาก ตนไม่มีความเห็นขัดแย้งใครอยากทำอะไรก็ทำไปในอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่แล้ว
“ท่านเป็น ส.ส.ย่อมรู้ว่า อะไรควร หรือไม่ควรอย่างไร ถ้าท่านเห็นว่า สมควรก็คงจะดูแล้วว่า สมควรจะนำออกไป ก็เป็นสิทธิของท่าน เป็นอำนาจของท่าน ผมในฐานะผู้ปฏิบัติต้องติดตามสถานการณ์ว่า จะเป็นอย่างไรต่อไป ผมและเจ้าหน้าที่ทุกคน พร้อมให้ความร่วมมือในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมทุกเรื่อง ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใดก็ตาม แต่ความเหมาะสม ควรหรือไม่ควร อย่างไร เป็นเรื่องที่ ส.ส.หรือรัฐบาลต้องเข้ามาดูแลในเรื่องนี้เพื่อให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย” ผบ.ทบ.กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ เชื่อว่า คงไม่มีมีผลต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ครั้งต่อไป อย่าคิดว่า กล้าหรือไม่กล้า ทหารหรือเจ้าหน้าที่ต้องยืนหยัดในหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง ปฏิบัติตามกฎหมาย และคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญ และยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คิดว่า หากเจ้าหน้าที่ยึดหลักเหล่านี้จะสามารถทำงานได้ใม่ว่าจะเป็นในกรณีใดก็ตาม เราต้องพร้อมรับสถานการณ์ ขออย่างเดียวอย่าทำผิดกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวคงไม่บั่นทอนกำลังใจการทำงานของทหารถือเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะมีอะไรมากกว่านี้เยอะแยะที่ทหารต้องเผชิญหน้า โดยเฉพาะหน้าที่ทหารในเรื่องการปกป้องชายแดน ตนพูดเสมอว่า ทหารมีไว้รบ และต่อสู้ป้องกันอธิปไตยของประเทศ ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง และยังมีภัยคุกคามหลายรูปแบบ ซึ่งทหารจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ และปรับเปลี่ยนให้ทันกับโลกโลกาภิวัตน์ ประเด็นสำคัญ คือ ต้องอดทนทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามทุกรูปแบบ และเชื่อมั่นสายบังคับบัญชาที่ชัดเจน
ต่อข้อถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจากนักการเมืองด้วยกันเอง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงต้องไปแก้กัน คิดว่า คงต้องหาทางแก้กันจนได้ เรื่องนี้ถามเจ้าหน้าที่ไม่ได้ เพราะตนเป็นผู้ปฏิบัติ ต้องไปใช้กลไกของการเมือง กลไกของรัฐบาล และประชาธิปไตยในการแก้ปัญหา อย่าเอาเจ้าหน้าที่ไปอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งเพราะจะทำให้การบริหารเป็นไปด้วยความไม่เรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องการดำเนินคดีก็สืบสวนสอบสวนกันไป ยังไม่มีข้อเสียหายอะไรทั้งสิ้น เป็นแค่เพียงข่าวที่ออกมาว่า จะไปฟ้องร้อง ซึ่งการสืบสวนยังมีอยู่ ไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นขอให้ทำงานกันดีกว่า
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม จะเร่งปิดคดีการล้มเจ้าในสมัยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เชื่อว่า จะไม่มีผลต่อคดีการกระชับพื้นที่ของทหารในช่วงที่ผ่านมา เพราะเป็นคนละคดีกัน แยกกันออก คดีการใช้อาวุธต่างๆ ก็เป็นอีกคดีหนึ่ง มีการใช้ความรุนแรง มีผู้กระทำให้เกิดความบาดเจ็บและสูญเสีย กระบวนการต่างๆ ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา พิสูจน์ทราบว่า ใช่หรือไม่ จริงหรือไม่ ปัจจุบันยังอยู่ในกระบวนการสืบสวน มันยังไม่จบ