“สุริยะใส” ชี้ซักฟอกตอกย้ำระบบรัฐสภาเน่าเฟะ หลัง “ประชา” ผ่านฉลุยทั้งที่บริหารน้ำเหลว ซัดพรรคร่วมไร้สำนึก เชื่อมีปรับ ครม.ต่ออายุ หยันอย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ ชี้นายกฯ ต้องรับผิดด้วย เล็งล่าชื่อชาวบ้านน้ำท่วมฟ้องศาลปกครองเรียกค่าเสียหาย แนะฝ่ายค้านสร้างเอกภาพ
วันนี้ (28 พ.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ตนเห็นว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ได้ตอกย้ำความความเน่าเฟะของระบบรัฐสภาไทยอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะภาพของการลงมติไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรมในฐานะ ผอ.ศปภ.ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ท่ามกลางความล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำของ ศปภ.และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ทำให้มีคนเสียชีวิตกว่า 700 คน เศรษฐกิจเสียหายมากกว่าล้านล้านบาท และเกิดผลกระทบตามมาอีกมากมาย ที่สำคัญ ศปภ.ยังไม่สามารถสร้างหลักประกันในกับชาวบ้านที่จมอยู่ใต้น้ำมานานเป็นเดือนว่าน้ำจะลดลงเมื่อไหร่ พวกเขาจะกลับไปใช้ชีวิตปกติสุขได้เมื่อไหร่ ซึ่งถือป็นความหายนะครั้งประวัติศาสตร์ของชาติไทย
“แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็ไร้สำนึกรับผิดชอบยกมือไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา แม้ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายของสภาไทยที่เป็นระบบเสียงข้างมากลากไปก็ตาม แต่ในยามวิกฤต สภาฯ ควรเป็นศูนย์รวมในการรับมือและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าเราจะฝ่าข้ามวิกฤตไปได้” นายสุริยะใสกล่าว
นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า หลังปัญหาน้ำท่วมลดลงเชื่อว่าจะมีการปรับ ครม.เพื่อต่ออายุให้กับรัฐบาลปู แต่ก็คงไม่ง่ายรัฐบาลไม่สามารถปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ เพราะความล้มเหลวในการบริหารจัดการมวลน้ำครั้งนี้เข้าข่ายทุจริตในหน้าที่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะปฎิเสธความรับผิดชอบลอยตัวจากวิกฤตปัญหาไม่ได้ในฐานะนายกฯ ที่ต้องรับผิดชอบ ตาม พรบ.บริหารราชการแผ่นดิน แม้ลงนามในคำสั่งแต่งให้ พล.ต.อ.ประชา รับผิดชอบ ศปภ.เองก็ตาม แต่นายกฯ ก็หนีไม่พ้นที่ต้องรับผิดชอบตาม พรบ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2550 ซึ่งนายกฯ เป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ หรือ กปภช. โดยตำแหน่ง
นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า ซึ่งทางกลุ่มกรีน (Green Politics) ได้ยื่นร้องทุกข์กล่าวโทษต่อนายกฯ และคณะไปแล้วเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา และได้ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวานนี้ (27 พ.ย.) ได้ข้อมูลและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมมากทีเดียวโดยได้มีการรวบรวมเพื่อยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้ ปปช.และขณะนี้กลุ่มกรีนได้ประสานและรวบรวมชาวบ้านที่ประสบภัยจากหลายจังหวัดเพื่อยื่นฟ้องศาลปกครองกลางให้ ครม.ยิ่งลักษณ์รับผิดชอบและชดเชยเยียวยาที่เป็นธรรมกับผู้เดือดร้อนเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของฝ่ายค้านควรใช้โอกาสนี้จัดระเบียบฝ่ายค้านให้เป็นเอกภาพกว่านี้ เพราะมีฝ่ายรัฐในฝ่ายค้าน อาจจะส่งผลต่อการตรวจสอบฝ่ายบริหารในระยะยาว การงดออกเสียงของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครักษ์สันติ การโหวตสวนทางกันของพรรคภูมิใจไทย และพรรครักประเทศไทย นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นภาพสะท้อนความอ่อนแอไม่เป็นเอกภาพของฝ่ายค้านด้วยเช่นกัน
