“อภิสิทธิ์” สรุป “ประชา” ยิ่งอยู่ ปชช.ยิ่งทุกข์ ชี้ไร้ประสิทธิภาพบริหาร สอบตกการสร้างความเชื่อมั่นให้กับแนวทางการแก้ปัญหาของ ศปภ. อีกทั้งยังพบทุจริต ทำผิดกฎหมาย แบ่งแยกให้ความช่วยเหลือ ไม่มีใจให้ ปชช.อย่างแท้จริง เตือน ส.ส.รัฐบาลยกมือไว้วางใจ ระวังรายต่อไปคือ “ยิ่งลักษณ์”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สรุปญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ว่า ความคาดหวังที่น่าจะได้จาก ผอ.ศปภ. 1.การตั้งคนต้องมีประสิทธิภาพด้านบริหารจัดการ 2.สร้างความเชื่อมั่นสร้างความเข้าใจให้ประชาชนปรับตัวอยู่ได้ในภาวะวิกฤต 3.ซื่อสัตย์สุจริต ยึดประโยชน์ส่วนรวม และข้อ 4.ต้องมีใจให้ประชาชน ทั้ง 4 ข้อ พล.ต.อ.ประชา สอบตกทุกข้อ
สอบตกเรื่องประสิทธิภาพการบริหาร กล่าวคือ ให้คนที่มีอิทธิพลในแต่ละพื้นที่มาต่อรองการบริหารน้ำ มันจึงเป็นอย่างนี้ การตั้งคนสมุทรปราการ มาเป็น ผอ.ผันน้ำ เขาบอกเองว่าเป็นคนสมุทรปราการ ไม่อยากให้ท่วมสมุทรปราการ ดังนั้น ความกดดันอยู่ที่การปล่อยให้ประตูน้ำแตก 14 แห่ง โดยที่ ศปภ.ไม่ทราบ และเพิ่งมาซ่อมเสร็จเมื่อไม่กี่วัน นี่คือ 50 วันที่สูญเปล่า เอาน้ำมากองในที่ที่ไม่ใช้ที่อยู่ตามธรรมชาติ และพยายามปัดความรับผิดชอบโดยตลอด
วันที่ตัดสินใจว่านำบิ๊กแบ็กมาวาง คือวันที่ประตูระบายน้ำแตก แสดงว่า ศปภ.ทำงานโดยไม่มีแผนรองรับ เลขาฯ ท่าน (ถิรชัย วุฒิธรรม) ยอมรับเองว่า ศปภ.ทำงานแบบไม่มีแผน นี่คือการสอบตกในเรื่องประสิทธิภาพการระบายน้ำ ประตูระบายน้ำไปทางตะวันออก ไม่เปิดเต็มที่ เพราะไม่มีคำสั่ง หรือเปิดแล้วต้องปิดเพราะมีคนต่อว่ามา ประสิทธิภาพเรื่องการระบายน้ำจึงไม่มี
สอบตกเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่นเรื่องของการสื่อสาร คำว่า “เอาอยู่” ของท่านจะเป็นวลีเด็ดประจำปีนี้ การแนะนำให้อพยพ ในวันที่ไปเยี่ยม ศปภ. ได้ถามว่าถ้าประชาชนติดเกาะจะเอาข้าวกี่แสนกล่องไปส่ง แล้วเอาไปส่งจริงหรือไม่ ที่สำคัญนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่นวนคร วันที่ท่านประชา ไปตรวจท่านว่าเอาอยู่ ขณะที่นำกำลังเข้า คนงานกำลังอพยพ ทำให้ความเสียหายลุกลามบานปลายกว่าที่มันจะเป็น ภาคเอกชนป้องกันไม่ได้ แต่สามารถลดความเสียหายได้ถ้าได้รับข้อมูลจริง
สอบตกเพราะทำผิดกฎหมาย เนื่องจากปล่อยให้ส.ส.เข้าไปแทรกแซงการจัดสรรทรัพย์สิน ที่เป็นสิ่งของบริจาค ทั้ง ส้วม เรือ ยังติดชื่อ ส.ส. ส่วน ส.ส.คนอื่นไปช่วยประชาชน วันนี้เห็นชัดเจน ถ้าไม่ผิดท่านยกเลิกคำสั่งทำไม ท่านเลือก ส.ส.เฉพาะคนที่เกี่ยวข้องกับท่านประชา แล้วสิ่งของที่เหลือ คนนอกอย่างบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ไปขอไม่ได้เพราะไม่ใช่พวกของท่าน ของที่ส่งมาจากญี่ปุ่นแช่อยู่ที่ ศปภ. เต้นท์มีแต่ไปจัดซื้อในราคาที่จองหอง นี่คือการหาประโยชน์ทางการเมืองและหาประโยชน์อื่นท่ามกลางความเดือดร้อนของประชาชน
สอบตกเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ต้องยอมรับว่าประเด็นเรื่องเงินเยียวยา และค่าชดเชย ส่วยบางระกำโมเดลมีจริง เกิดการเลือกปฏิบัติกับคนเป็นพวกไม่เป็นพวก บ้านเมืองแตกแยกยังไม่พอหรือ วันนี้บริหารสร้างความแตกแยกอีก ความแตกแยกระหว่างคนปริมณฑล กับ กทม. ความแตกแยกของคนที่อยู่เหนือคันกับใต้คัน นี่คือผลงานของท่าน และจากที่ท่านไปเอื้อสิ่งเหล่านี้ ท่านจึงสอบตกเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
สอบตกเพราะไม่มีใจให้ประชาชน คิดอย่างไรในวันที่กำลังพล ทรัพยากรมีจำกัด ท่านเลือกทำถนนเข้า ศปภ. 2 ทำให้ประชาชนบริเวณนั้นเดือดร้อน ท่านทำไมไม่ย้ายตัวเอง อย่างดีก็แค่เสียหน้ารอบที่ 2 แต่ประชาชนไม่เดือดร้อนมาก
เรื่องการการเยียวยา 5,000 บาท ขณะที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล คิดว่าน้ำ 7 วัน ชดเชย 5,000 ก็น่าจะเหมาะสม แต่วันนี้น้ำท่วม 1-2 เดือน สูงเท่าเอว เท่าอก น่าจะให้ 1 หมื่น 1.5 หมื่นบาท เรื่องอย่างนี้ฝ่ายค้านเสนอ ไม่เห็นทำเร็ว แต่นโยบายรถคันแรก บ้านหลังแรก ไม่เคยคิดเปลี่ยน โครงการพักหนี้หาเสียงอย่างไรก็ไปอย่างนั้น ไม่คิดถึงคนที่เป็นหนี้เสียจากน้ำท่วม ใจท่านอยู่กับอะไร ใจที่ไม่อยู่กับประชาชน จึงไม่มีควรอยู่ในตำแหน่งต่อไป
สุดท้ายเรื่อง พ.ร.ฎ.อภัยโทษ มีคนคนที่เสนอท่านวันที่ 13 พ.ย.ให้ท่านเปลี่ยนปรับข้อความ แล้วท่านก็ไม่ส่งกลับให้คณะกรรมการ มีการส่งไปกฤษฎีกาก่อนค่อยส่งเข้า ครม. ก็ไม่เคยมีการปฏิบัติ มาก่อน วันนั้นท่านต้องกล้ารับความจริง นักข่าวถามท่าน ท่านตอบว่า ครม.ไม่มีการพิจารณา แต่พอถูกจับได้ ท่านก็บอกว่าคิดไปเอง แล้วรัฐมนตรีในครม.ชุดของท่านไปบอกสื่อว่าอะไรที่ประชาธิปัตย์สงวนไว้รัฐบาลชุดนี้ก็ตัดได้ ท่านรอให้คนจะตีกันเพราะมีคนแตกแยก 2 ฝ่าย ท่านไม่พูดอะไร ท่านบอกจะรักษาความลับราชการ แต่จดหมายมาจากต่างประเทศฉบับเดียวความลับราชการไม่มีอีกต่อไป พอจับได้ไล่ทันก็ยกเลิก ไม่ต่างอะไรที่ตั้งส.ส.ขัดรัฐธรรมนูญ จับได้ก็ยกเลิก
เพราะฉะนั้น ถ้าหากว่าท่าน พล.ต.อ.ประชาเป็น รมต.ต่อไป ประชาชนจะทุกข์ยากมากกว่านี้ ตนอยากได้คนบริหารที่ได้มาตรฐาน วันนี้เรามีคนสูญเสียบ้านอยู่ไม่ได้ อายุเกิน 60 กู้ไม่ได้ จะดูแลเขาอย่างไร วันนี้ท่านทราบไหมว่าธุรกิจรายเล็กรายน้อย เขาไม่มีบริษัทแม่ช่วย แต่เขาต้องดูแลแม่ เขาไม่มีบริษัทประกันมาดูแล แต่มีเจ้าหนี้มาตามทวง ถ้าท่านทำอย่างที่ทำมา ความแตกแยกจะมีทั้งเรื่องน้ำ และเรื่องการเมือง นี่ไม่ใช่สิ่งที่การเมืองไทยสังคมไทยต้องการ รัฐบาลนี้ได้รับชัยชนะประชาชนคาดหวังว่าจะมาแก้ปัญหา วันนี้ รมว.ยุติธรรม ได้รับการแต่งตั้งให้มาทำงานใหญ่ที่สุด พิสูจน์แล้วว่าล้มเหลว
“28 พ.ย. เวลา 9.30 น. เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ใครยกมือสนับสนุน รมว.ยุติธรรม จะมีกี่ทุจริต จะแตกแยก ในวันต่อไป แล้วภาระจะตกอยู่ที่นายกรัฐมนตรี ก็เป็นอำนาจตัดสินใจ แต่พวกผมไม่ไว้วางใจ แต่ถ้าท่านนายกฯ จะตัดสินใจไว้วางใจคนที่รับผิดชอบคนต่อไปคือนายกรัฐมนตรี” นายอภิสิทธิ์กล่าว