“สุวัจน์” แนะจับตาสิ้น พ.ค.2555 หลัง 111 นักการเมืองงถูกปลดล็อกจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ บอกไม่รู้เรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมช่วย “นช.แม้ว” พร้อมหนุนทุกแนวทางสร้างความปรองดอง
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคชาติพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันเดินหน้าออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้หลุดพ้นทุกคดี เพื่อความปรองดองว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่คิดว่าวันนี้าเราช่วยกันสร้างบรรยากาศปรองดองได้ก็เป็นเรื่องที่ดี โดยพื้นฐานของความปรองดองจะนำไปสู่ความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เรามีภาระหลายเรื่อง ทั้งเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม รวมถึงการต้องฟื้นฟูประเทศหลังน้ำท่วม ฉะนั้น ถ้าพวกเราปรองดองกันได้ ไม่มีความแตกแยก หรือมีความเห็นที่แตกต่างกันมาก จนเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหา ถือเป็นเรื่องที่ดี
ส่วนแนวทางการปรองดองจะเป็นอย่างไร คงเป็นเรื่องของหลายฝ่ายต้องช่วยกัน เพราะตอนนี้มีคณะกรรมการเกิดขึ้นหลายฝ่าย ซึ่งตนว่าแนวทางจากคณะกรรมการแต่ละฝ่ายน่าที่จะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด เมื่อได้ข้อสรุป เพราะมีตั้ง 3-4 คณะ ฉะนั้น ลองดูว่าในแต่ละคณะเขาเสนอแนวทางอะไรบ้าง และถ้าคล้ายกันตนคิดว่าน่าที่จะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างความปรองดอง
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวิตเตอร์ยืนยันว่าถ้าไม่เกิดความปรองดองกันจะไม่กลับประเทศไทย และยืนยันว่าขอเสียสละความสุขที่จะกลับประเทศไทย จนกว่าประชาชนคนไทยจะปรองดองกันนั้น นายสุวัจน์กล่าวว่า อันนั้นอาจจะเป็นความปรารถนาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านเป็นอดีตผู้นำประเทศ คงอยากจะเห็นบ้านเมืองเรียบร้อย ตนว่าวันนี้ทุกคนคงอยากเห็นคนไทยปรองดองกัน และตอนนี้เราหนักทุกเรื่องไปหมด ทั้งพวกเรากันเอง ทั้งธรรมชาติ เราต้องผนึกกำลังกันและความปรองดองเป็นเรื่องสำคัญ
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าขณะนี้ควรหยุดพูดเรื่องนิรโทษกรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หรือยัง เพื่อไม่ไปจุดประกายความแตกแยกเกิดขึ้น นายสุวัจน์กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นภาพรวมของประเทศ เพราะวันนี้เราต้องมีความปรองดองกัน ฉะนั้น ต้องเกี่ยวข้องกันหลายฝ่าย ซึ่งปัญหาหนักเรื่องน้ำท่วม เราต้องระดมพวกนักวิชาการและส่วนราชการมาหารืออย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมาเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ตอนนี้ปัญหาเฉพาะหน้ายังไม่จบเลย น้ำยังอยู่ โดยลำดับแล้วเอาน้ำลงให้หมดก่อน ฉะนั้น ความร่วมมือกันและต้องเข้าใจในแผนงานกัน บางทีต้องยอมเปียกกันบ้าง เพื่อให้น้ำลงให้มากที่สุด ตนไม่อยากเห็นภาพพวกเราไม่เข้ากัน และกลายเป็นมาขัดแย้งกันเอง จนทำให้การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าขณะนี้ล่าช้า
ส่วนการเมืองหลังปี 2555 ที่หลายฝ่ายประเมินว่าจะเกิดปัญหาความวุ่นวายขึ้นมาอีก นายสุวัจน์กล่าวว่า ตนว่าการเมืองไฮไลต์ที่สุดอยู่ที่เดือนพฤษภาคม 2555 (ช่วงปลดล๊อค 111 นักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง) นั่นคือไฮไลต์ของการเมือง เพราะว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร และตนก็เชื่อว่ามันน่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดี เพราะว่าผู้คนที่เป็นผู้ที่มีฝีมือ มีประสบการณ์ เขาจะพร้อมกลับมารับใช้ชาติบ้านเมืองกันอีกครั้งหนึ่ง ฉะนั้น ไฮไลต์การเมืองปีหน้า 2555 อยู่ที่สิ้นเดือนพฤษภาคม 2555 แต่ตนไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่นั่นคือไฮไลต์
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีจะเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรต่ออีกหรือเปล่า นายสุวัจน์กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่รู้ว่าจะมีอีก 111 คนมาเป็นตัวแปร ตัวเพิ่ม ตัวเพิ่มสีสันแต่คงไม่เพิ่มความขัดแย้ง คือมาช่วยทำให้ประเทศดี