xs
xsm
sm
md
lg

ยิ่งลักษณ์ ผู้พลิกโอกาสเป็นวิกฤต ฉุด “แม้ว” ไร้ค่า!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

  ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

นาทีนี้ได้แต่อุทานว่าเป็นแบบนี้ได้อย่างไร หลายคนบอกว่า เหลือเชื่อพรั่งพรูออกมาสารพัดแล้วกับมาตรฐานทางสติปัญญา ท่าทางท่าที และคำพูดของ นายกรัฐมนตรีหญิงของไทยที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่นึกไม่ฝันว่าจะสร้างความอับอาย สิ้นหวังกับคนไทยได้อย่างรวดเร็วมากถึงเพียงนี้

จนบางครั้งอาจรู้สึกเบื่อ เซ็ง กับการที่ต้องพูดถึงนายกรัฐมนตรีคนนี้ แต่ในฐานะที่เป็นผู้นำประเทศ ก่อนเข้ามาก็ได้คุยโม้เอาไว้มากมาย ทำนองแสดงให้เห็นว่า มีความสามารถพิเศษเหนือคนอื่น เพราะนี่คือ ตัวแทนประเภท “โคลนนิ่ง” ของ ทักษิณ ชินวัตร ออกมาเลยทีเดียว ความหมายที่สร้างขึ้นมาก็คงไม่ต่างจาก “เทวดา” มีความเก่งกาจเหนือมนุษย์ มนา แน่นอน

ความคาดหวังก่อนหน้านี้สูงลิบลิ่ว ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาถึง 15 ล้านเสียง แถมผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะส่งใคร หมูหมากาไก่ ถ้าลองใส่เสื้อพรรคนี้ก็มีโอกาสจะได้รับการเลือกตั้งแทบทั้งหมด โดยหลงลืมไปว่า การไต่เต้าของเธอทั้งในด้านอาชีพการงานทางด้านธุรกิจก่อนจะมาสู่เวทีการเมืองยังไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าที่มีตำแหน่งสูงๆนั้นเป็นเพราะเป็นน้องสาวเจ้าของบริษัทหรือเปล่า

ในทางการเมืองก็เช่นเดียวกัน ไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่เคยเกี่ยวข้อง มีกิจกรรมโดยตรง อาจมีบ้างในลักษณะเกาะขอบเวทีม็อบเสื้อแดงให้การสนับสนุนค่าน้ำร้อนน้ำชา ค่าน้ำมันรถ แต่ก็ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

ที่ผ่านมาใช้เวลาเพียงแค่ 49 วัน กระโดดลงสู่สนามเลือกตั้ง ภายใต้การอุปถัมภ์ของ ทักษิณ ชินวัตร พี่ชาย ผลักดันเข้ามา และด้วยเครคิตที่สร้างภาพกันมาแบบ “เหนือจริง” ใช้นโยบายประชานิยม เกทับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งก็ได้ผลทำให้ชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย

แต่เที่ยวนี้โชคร้ายกว่าครั้งก่อน เพราะต้องมาเจอกับปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ทั้งหนักทั้งนาน และจนถึงตอนนี้ยังมองไม่เห็นอนาคตว่าน้ำจะลดเมื่อใด อย่างน้อยต้องลากยาวไม่ต่ำกว่า 1-2เดือน มิหนำซ้ำปลายน้ำก่อนไหลลงทะเล ดันมาท่วมขังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพวกที่โวยวายเสียงดังกว่าใครด้วยซี แถมยังมีพวกสื่อปากมากผสมโรงเข้าไปอีกเป็นรายวัน ทำให้แผนสร้างภาพตบตา หรือแม้แต่การ “โยนขี้” ให้คนอื่นทำไม่ได้ผล

ทำให้แรงกดดันกระชับเข้ามาหาตัวหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญเป็นแรงกดดันมาจากพวกเดียวกันที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งในมาในแบบส่วนบุคคล มาเป็นกลุ่ม ครบครันตั้งแต่กลุ่มทุนใหญ่ ทุนน้อย ไปจนถึงชาวบ้านที่ยากจนติดดิน เนื่องจากต้องเจ็บปวดวุ่นวายกันไปทุกหย่อมหญ้า

หากจะเรียกว่าธรรมชาติสร้างความสมดุลทางการเมืองกันใหม่ก็เป็นได้ เพราะหากจะว่ากันไปแล้วการเข้ามาของเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร ที่คราวนี้มีปัจจัยทั้งภายในและภายนอกไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย แต่เป็นเพราะความเร่งรีบไม่มีทางเลือกต้องการยึดกุมอำนาจรัฐมาไว้ในมือเสียก่อน จำเป็นต้องดันน้องสาวที่ไม่ประสีประสาอะไรเลยเข้ามาเป็นผู้นำ เป็นหุ่นเชิดคนใหม่ โดยหวังว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่สามารถใช้ทีมที่ปรึกษาโดยตัวเองเป็นคนกำหนดเกมประคองไปเรื่อยๆ แม้ว่าในช่วงแรกน้องสาวของตัวเองจะแสดงอาการ “เปิ่น” เผยให้เห็นถึงความไม่รู้ออกมาเรื่อยๆ ก็ตาม แต่เมื่อเจอกับเรื่องน้ำท่วมที่สร้างความฉิบหายเป็นรายทางมันก็ไปไม่เป็น

ประกอบกับเมื่อหันกลับไปพิจารณาในเรื่องนโยบายประชานิยมที่คราวนี้ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว เพราะเกี่ยวข้องกับภาคเอกชน ทำให้กลุ่มทุนต้องมีภาระค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ที่เห็นได้ชัดก็คือนโยบายค่าแรงวันละ 300 บาทรวมไปถึงเรื่องรถคันแรก บ้านหลังแรก แม้จะโดนใจชาวบ้านไม่น้อย แต่ในความเป็นจริงมันทำได้ยาก จะไปบังคับมากก็ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของภาคเอกชน อย่างไรก็ดีถ้าในสถานการณ์ปกติก็คงลากไปได้เรื่อยๆ แต่พอต้องมาพบเรื่องไม่ปกติแบบนี้ทำให้ต้องบีบเค้นให้เธอต้องแสดงฝีมือและสติปัญญาออกมาให้ได้

ในที่สุดจากปัญหาดังกล่าวนี่เองที่ทำให้ “ความแตก” จนได้ ว่าแท้จริงแล้ว ยิ่งลักษณ์ “กลวง” ไม่ได้มีความสามารถ ไม่มีความพร้อม ไม่มีแม้กระทั่งความรู้รอบตัว ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ประจานออกมาทีละเรื่องประดังเข้ามาอีก มันยิ่งทำให้ เธอมีสภาพไม่ต่างจากตัวตลก หมดสภาพความเป็นผู้นำลงเรื่อยๆ และเร็วเกินคาด

หลายคนคงแปลกใจว่า กรณีน้ำท่วมที่เกิดขึ้น หากนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มีกึ๋นมีสติปัญญาติดตัวสักนิด น่าฉวยโอกาสพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้เหมือนกัน เพราะมีทุกอย่างอยู่ในมือพร้อมสรรพ ทั้งในและนอกสภา กลไกอำนาจรัฐ ก็มีการแต่งตั้งโยกย้าย กระชับอำนาจแน่นขึ้น ล้วนแล้วแต่คนกันเองทั้งสิ้น แต่กลับกลายเป็นว่าผลที่ออกมาเป็นตรงกันข้ามนั่นคือ เธอพลิกโอกาสให้เป็นวิกฤติเสียนี่ สร้างความเดือดร้อนกันไปทั่ว มีแต่คนผิดหวัง หน้ามืดเชียร์กันไม่ลง ซึ่งหากประเมินกันแบบผลประโยชน์ส่วนตัวแล้วก็ย่อมมีผลสะเทือนไปถึงคนรอบข้างอย่างคาดไม่ถึง

ที่เห็นชัดๆ ก็คือ เมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์โชว์ผลงานห่วยมากเท่าใด ก็ยิ่งส่งผลกระทบไปถึง ทักษิณ ที่เป็นเจ้าของโดยตรง เห็นได้ชัดจากตัวอย่างกรณี พ.ร.ฎ.ขอพระราชทานอภัยโทษ จะเดินหน้าดันทุรังมั่วนิ่มไปไม่ไหว เพราะเกิดความรู้สึกทำนองว่า ทำงานไม่ได้เรื่องแต่ดันจะมาขอเงินเพิ่ม ขอใช้สิทธิพิเศษเหนือคนอื่นอะไรประมาณนั้นแหละ ในทางตรงกันข้ามถ้าผลงานของรัฐบาลออกมาดี ได้รับเสียงชื่นชมไม่แน่ว่ากระแสต่อต้านอาจไม่รุนแรงอย่างที่เห็นก็เป็นได้

ดังนั้นถ้าให้สรุปนาทีนี้ อาจมองได้ว่าเป็นเรื่องของ “กรรมติดจรวดดาวเทียม” ก็เป็นได้ เพราะราวกับว่าได้ลงโทษคนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่เห็นบ้านเมืองเป็นของเล่น สร้างกระแสหลอกต้มชาวบ้านที่เข้าไม่ถึงข้อมูล ไม่อาจวิเคราะห์สถานการณ์ตามความเป็นจริง จนสามารถชี้นิ้วสั่งการให้ใครที่ไหนมาเป็นรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้โดยไม่สนใจเรื่องภูมิหลัง ความสามารถ มีสติปัญญามากแค่ไหน ขอเพียงแค่ซื่อสัตย์ไว้ใจได้แค่นั้นเป็นพอ เมื่อทุกอย่างกลับตาลปัตร กลายเป็นคนไร้ค่าลงทุกวัน จะโทษใครก็ไม่ได้ เพราะต้นเหตุมาจากเขาคนเดียว!!
ทักษิณ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น