ผบ.เหล่าทัพ ผนึกกำลังค้านตั้งผู้สังเกตการณ์-ถอนทหารออกจากปราสาทพระวิหาร ระบุเท่ากับไทยเสียดินแดนโดยพฤตินัย โยนให้รัฐบาลไปพิจารณาจะเอาอย่างไร กองทัพพร้อมทำตาม ปฏิเสธชวนเขมรทะเลาะ ย้ำ สัมพันธ์ทหารชายแดนยังดี
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สูงสุด) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) เพื่อหาข้อยุติปัญหาชายแดน ว่า การดำเนินการตามแนวชายแดน เรายังปฏิบัติหน้าที่ตามข้อตกลงเดิม คือ ยังไม่มีใครสั่งให้มีการเปลี่ยนแปลงการดำเนินการใดๆ ปัญหาที่มีอยู่ คือ พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร บริเวณปราสาทพระวิหาร เราก็ยังอยู่ตรงนั้น รวมถึงพื้นที่เขตปลอดทหาร ซึ่งขณะนี้ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาถือว่ายังดีอยู่ ไม่มีปัญหา
“เมื่อก่อนนี้เราใช้จีบีซี เป็นเครื่องมือและกลไกเอาไว้เจรจา เพื่อทำให้สนิทมากยิ่งขึ้น แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ความไม่เข้าใจกัน ทำให้เครื่องมือตรงนี้หยุดชะงักไป แต่ขณะนี้ความสัมพันธ์ได้กลับมาใหม่ ส่วนมาตรการคุ้มครองของศาลโลก เราก็รู้ เขาก็รู้ว่า ให้ทำอะไร แต่นายเรายังไม่ได้สั่ง นโยบายยังไม่ได้บอกว่า ให้เราทำอะไร เราจึงต้องทำแบบเดิมไปก่อน อยู่ดีๆ มาตรการเขาออกมา แล้วจะให้ทหารเราเก็บของกลับบ้านเลยมันไม่ใช่ เราถือว่า เรายังรับผิดชอบในพื้นที่เดิม แต่หากรัฐบาลมอบให้เราไปเจรจาจีบีซี เขาจะต้องให้แนวทาง”
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ สื่อบางฉบับเขียนว่า ผบ.สูงสุด กลัวเสียเอกราชอธิปไตย จึงต้องนำเรื่องเข้าสภาเพื่อไปพูดคุย ตนสมมติว่า หากเราทำตามมาตรการของศาลโลก คือ ผบ.เหล่าทัพ จะลงไปในพื้นที่ แต่งเครื่องแบบลงไปไม่ได้ และไปเป็นทางการไม่ได้ ต้องไปขออนุญาตกรรมการ หรือผู้สังเกตการณ์ก่อน จึงจะสามารถเข้าไปได้ ถ้าเช่นนี้ภาษาของเราจะเรียกว่า เราเสียพื้นที่ทางพฤตินัย แต่ตามกฎหมายจะเสียหรือไม่เสียนั้นไม่รู้ ดังนั้น ถ้าจะสั่งให้ทำเช่นนี้ก็ต้องบอกให้ชัดว่า ขณะนี้รับแล้วว่า 17.3 ตารางกิโลเมตร เป็นโซนปลอดทหาร แล้วเราจะทำตามตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครเข้ามาบอกให้ชัด
“ตอนนี้มีการพยายามจะให้มีการประชุมทั้งจีบีซี และ เจบีซี ซึ่งในส่วนของเจบีซีจะพูดถึงการแบ่งเขตอย่างเดียว ซึ่งเขาพยายามให้จีบีซีเป็นผู้รับ และเมื่อจีบีซีรับ จีบีซีก็จะได้รับขอบเขตใหม่ แต่ขอบเขตเดิมของจีบีซี ไม่มีการพูดถึงเรื่องการคุ้มครองเขตแดน หรือการถอนทหาร ดังนั้น ถ้าจะให้จีบีซีไปพูด รัฐบาลโดยรัฐสภาต้องมอบอำนาจให้ว่า สามารถพุดเรื่องนี้ได้ และเมื่อตกลงเสร็จกลับมาก็นำข้อมูลกลับเข้ามายังรัฐบาล และสภาว่า ถ้าเป็นไปตามนี้จะดีหรือไม่ดีอย่างไรจึงจะเป็นข้อปฏิบัติได้
ผบ.สูงสุด กล่าวว่า ขณะนี้ตามข่าวสื่อมวลชนบอกว่า เขากำหนดกรอบ 5 ข้อ โดยให้จีบีซีไปพูดได้ ถ้ากำหนดมาให้ชัดเจนก็จะเอาไปพูดได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันระหว่างกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ อยากถามว่า ตอนนี้ทหารควรทำอย่างไร ควรถอนทหาร หรือควรทำตัวตามปกติ ส่วนกรอบ 5 ข้อ ที่จะต้องปฏิบัติตามมติศาลโลกนั้น เป็นเรื่องของข้างบนจะบอกมา ภาพตอนนี้ เราทำสิ่งที่รับผิดชอบอยู่ ซึ่ง ผบ.ทบ.และ ผบ.ทร.ที่มีส่วนตรงนี้ก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมพูด เราไม่ได้ทำตามศาลโลก แต่เราทำตามที่เราได้รับคำสั่งครั้งสุดท้าย ไม่ได้หมายความว่า ชวนทะเลาะ เพราะในพื้นที่ทหารยังยิ้มแย้ม ทักทายคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากถอนทหารจะทำให้ไทยเสียดินแดนหรือไม่ พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า เรายืนยันไปอย่างนี้ ขอบอกว่า อันนี้เป็นภารกิจของเรา ถ้าเราถอยออกมาก็รู้สึกว่า เราเสียเขต และจริงๆ ทางพฤตินัยมันเสียอยู่แล้ว ตราบใดที่ทหารแต่งเครื่องแบบไปยืนไม่ได้ คิดว่า เราเสียเขตตรงนั้น ถ้าเป็นเขตเรา เราจะไปตรงไหนก็ไม่ต้องไปขอใคร แต่เรายืนยันไปแล้วส่วนหนึ่ง นโยบายข้างบน และสภาต้องไปตัดสินกัน ถ้ามีมติให้ทำ เราดูแล้วว่า ไม่ใช่ก็ต้องยื่นวีโต้ก่อน แต่ถ้าดูแล้วทุกคนรับได้ เหมาะสม ทหารก็ต้องรับ เพราะเป็นนโยบายที่เขาคุย กัน ซึ่งเหล่านี้เป็นนโยบายตั้งแต่ ผบ.สูงสุด คนเดิม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทหารไม่จำเป็นต้องทำตามมติศาลโลกใช่หรือไม่ พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ตอนศาลโลกมีมติไม่มีการประท้วง เมื่อศาลสั่งมาก็อาจต้องปฏิบัติ แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามศาลโลก แต่ปฏิบัติตามรัฐบาล ขึ้นอยู่กับรัฐบาล เพราะกองทัพเป็นเซลล์หนึ่งของประเทศและรัฐบาล ในระบอบประชาธิปไตย ถ้าเราสู้ในจุดที่เรายืนไม่ได้ เราก็ต้องยอมรับเหตุผลผู้บังคับบัญชาเรา ยืนยันว่า ทหารไม่ได้ขึ้นกับศาล แต่เราทำตามคำสั่งรัฐบาล และทำตามครรลองตามกฎหมาย