คุณเล่นมุกถามตอบ..สัมภาษณ์ตัวเองอีกแล้ว จะแข่งกับอาจารย์แก้วสรรเหรอ..
ไม่บังอาจ พอดีวันนี้มีนัดขึ้นโรงขึ้นศาล และมีภารกิจที่เลื่อนไม่ได้อีกหลายอย่าง ไม่มีสมาธิมานั่งคิดอ่านอะไรแบบเนียนๆ ต้องขอโทษท่าน บก.จริงๆ
ขนาดลาออกจากพรรค (การเมืองใหม่) ตกงานแล้วยังมีอะไรยุ่งขิงอีกเหรอ
ผมยังมีลมหายใจ ยังมีชีวิตอยู่นะ
เห็นวันก่อนไปออกรายการสภาท่าพระอาทิตย์กับพล.อ.อ.นพฤษภ์ มัณฑะจิตร อดีต ส.ว.วิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งโยกย้ายทหารปีนี้ สรุปให้ฟังหน่อยสิ
ในส่วนของผมก็แล้วกันนะ มันก็ไม่มีอะไรมาก
1) เกิดความไม่ลงรอยกรณีตำแหน่งปลัดกลาโหม ทางพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ท่านอยากได้รองปลัด ลูกน้องของท่านที่ชื่อพล.อ.วิทวัส รัชตะนันทน์ แต่ฝ่ายโน้นเขาส่งพล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ประธานที่ปรึกษากองทัพไทยเข้าประกวด คนเสื้อแดงหลายส่วนเชียร์อยู่ด้วย งานนี้ทำให้พล.อ.วิทวัสกับพล.อ.เสถียรซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท. 11 มองหน้ากันลำบาก ผมเองไม่รู้จักทั้งสองท่าน แต่ผมคิดว่างานนี้ถ้า รมว.กลาโหมดันไม่สำเร็จก็คงเสียรังวัดไปเยอะ
2) กรณีเปิดอัตราตำแหน่งประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม จะเปิดหรือเปล่า เพราะตามโผพล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ที่ดำรงตำแหน่งนี้จะข้ามห้วยไปเป็นรอง ผบ.สูงสุด พอข้ามห้วยอัตรามันก็หมดไปเพราะเป็นตำแหน่งเฉพาะตัว ต้องเปิดใหม่ ผมไม่รู้ว่าถ้าได้เปิดอัตราใครจะมานั่ง แต่ตรงข้ามถ้าไม่เปิดมันก็กระทบโผโยกย้าย ต้องมารื้อกันใหม่นิดหน่อย ที่สำคัญนี่มันจะสิ้นกันยา สิ้นปีงบประประมาณแล้ว ผมกับท่านพล.อ.อ.นพฤษภ์เราเลยเห็นตรงกันว่าการจัดทำโผล่าช้าอย่างนี้มันช้าเกินไป มันไม่ดี เพราะสุดท้ายต้องนำรายชื่อกราบบังคมทูลด้วย เวลาที่จวนเจียนอย่างนี้มันบังควรแล้วหรือ
นอกนั้นก็ไม่มีอะไร เพราะประเด็นของผมจริงๆ ผมเฝ้ามองว่าใครจะขึ้นเป็น ผบ.สูงสุด ตอนแรกปล่อยออกมาว่าจะเป็นพล.อ.เสถียรซึ่งเหลืออายุราชการปีเดียว ถ้าพล.อ.เสถียรขึ้น ผบ.สูงสุดอาจทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เกิดอาการเสียวโว้ยขึ้นมาได้ว่า กันยาปีหน้าจะถูกเตะโด่งไปนั่งตรงนั้นหรือเปล่า แต่พอโผชัดว่าผบ.สูงสุดคนใหม่คือพล.อ.ธีรศักดิ์ ปฏิมาประกร เสธ.ทหาร ซึ่งจะเกษียณปี 57 ปีเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นโอกาสที่พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ในตำแหน่งแม่ทัพบกจนเกษียณก็มีมาก
สรุปว่าพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม 2551 ที่กำหนดให้มีคณะกรรมการ6-7 คนเป็นคณะกรรมการพิจารณาด่านสุดท้ายกรณีแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลดีหรือเปล่า มันป้องกันการล้วงลูกจากฝ่ายการเมืองได้หรือไม่
มันก็โอเคนะในแง่ของรูปแบบ พิธีการ มันได้ระดับหนึ่ง แต่ถึงที่สุดแล้วมันอยู่ที่ตัวกองทัพแต่ละเหล่าทัพหรือส่วนราชการว่าจะชงโผขึ้นมาอย่างไร ปล่อยให้ฝ่ายการเมืองไปล้วงตับล้วงโผกันตรงนั้นหรือไม่ คือบ้านเราอย่างที่รู้ๆ น่ะแหละต่อให้กฎหมายดีแค่ไหนอย่างไร แต่ถ้าคนไม่ดีมันมีอำนาจ ข้าราชการยอมสยบ ทุกอย่างมันก็จบ
จริงๆ แล้วถ้าย้อนไปในอดีต สมัยผมเป็นนักข่าวไปสัมภาษณ์ท่านพล.อ.อ.พะเนียง กานตะรัตน์ เมื่อปี 2530 หรือ 2531 ท่านบอกว่าพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ (นายกฯ ในขณะนั้น) ท่านมองยาวว่า วันข้างหน้าประเทศไทยอาจมี รมว.กลาโหม ที่มาจากพลเรือน เป็นนักการเมือง ท่านจึงมีแนวความคิดที่จะวางกฎ กติกา มารยาท เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายทหารเอาไว้โดยตอนนั้นจะให้สภากลาโหมเป็นเวทีสำคัญ ให้ รมว.กลาโหมพลเรือนกับทหารร่วมกันตัดสินใจประมาณนั้น ก็มีความพยายามแก้ไขตรงส่วนนั้นกันมาเรื่อยๆ สุดท้ายก็มาจอดป้ายที่ พ.ร.บ. 2551
ฟังแล้วกองทัพนี่เป็นองค์กรสำคัญนะ ใครยึดได้นี่เกือบๆ จะยึดประเทศได้ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้คุณทักษิณยังไม่รุกคืบเข้ามาเท่าที่ควรนะ หรือคุณว่าไง
ไม่น่าถาม กองทัพเป็นสถาบันหลักที่สำคัญอยู่แล้ว คุณสนธิ ลิ้มฯ พูดเป็นแผ่นเสียงตกร่องไปเรียบร้อยแล้วว่า ยามใดกองทัพอ่อนแอสถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะอ่อนแอไปด้วย เพราะนอกจากกองทัพเป็นเสาค้ำสำคัญกับบ้านเมืองแล้วยังเป็นองค์กรเป็นสถาบันที่คู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์ รัฐธรรมนูญทุกฉบับหรือฉบับปัจจุบันมาตรา 10 ก็เขียนชัดว่า “พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย” ตรงนี้จะว่าไป หากที่ผ่านๆ มาถ้าทหารหาญหรือคนไทยคิดให้ลึกซึ้งบางทีบ้านเมืองอาจจะไม่เป็นอย่างนี้ ปี 2551 หรือ 2552 หรือ 2553 มันอาจจะก้าวผ่านไปอีกแบบก็ได้ แต่ผมไม่ได้หมายถึงการรัฐประหารนะ เดี๋ยวจะตีความผิด
ทีนี้เรื่องคุณทักษิณกับกองทัพผมคิดว่าเขารู้นะว่าอะไรเป็นอะไร วันนี้ตรงอื่นเขาแตะหมดกวาดหมดเท่าที่จะกวาดได้ โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่หลายคนบอกว่ากำลังจะเป็น “รัฐตำรวจ” ของระบอบทักษิณ แต่กับกองทัพเขาไม่กล้าที่จะรุกคืบ แต่ใช้วิธีการ “อยู่ร่วมกัน” แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยว่างั้นเถอะ แต่วันหน้าจะเป็นอย่างไรผมก็ไม่รู้นะ ซึ่งในสายตาและความรู้สึกของผม...ผมคิดว่าถึงแม้ปัจจุบันกองทัพจะอ่อนแออ่อนด้อยในหลายเรื่อง แต่ดีๆ ชั่วๆ ก็ยังเป็นปราการด่านสำคัญที่จะยันกับพวกที่คิดมิดีมิร้ายกับสถาบัน แต่ต้องบอกกันหน่อยว่าวันนี้อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งหมายรวมถึงขบวนคนเสื้อแดงด้วยนะ เขาโตเขาเติบใหญ่อย่างน่ากลัว ถ้าลำพังพวกเขาเป็นแค่มวลชนหย่อนบัตรให้พรรคเพื่อไทยตามวิถีประชาธิปไตย 4 วินาทีก็คงไม่เท่าไหร่ แต่นี่หลายส่วนมันไปไกลมากกว่านั้น อันนี้น่าคิด
ไหนๆ ก็คุยถึงคุณทักษิณ คุณคิดว่าเขาจะขับเคลื่อนเรื่องพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ ยอมมาติดคุกสักแป๊บหนึ่งเพื่อแลกกับอิสรภาพจริงหรือเปล่า...
ตอบตรงๆ ก็ต้องบอกว่าเดาไม่ถูก เวลาโดนถามผมก็เลยบอกว่า 50/50.... วันก่อน ส.ส.เพื่อไทยบางคนบอกผมว่าคุณทักษิณพูดกับ ส.ส.ที่ไปพบกันที่เขมรว่า เขายังมีภารกิจต้องดูธุรกิจเหมืองอีกสิบยี่สิบเหมืองยังไม่อยากกลับมาตอนนี้ ขอให้ช่วยสนับสนุนนายกฯ ปูให้อยู่สัก 8 ปี แต่เวลาพูดกับพวกเสื้อแดงที่เหมารถกันไปพบทักษิณก็บอกว่า...พวกเราเต็มที่อะไรประมาณนั้น แล้วคุณจะตีความว่าอย่างไรดีล่ะ
ผมเลยมองว่าทักษิณเล่นคั่วไพ่หลายหน้า เพราะในมือมีทั้งอำนาจรัฐ มีทั้งพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีกลุ่มมวลชนขนาดใหญ่มากๆ เขาจะเล่นไพ่ใบไหนเมื่อไหร่อย่างไรก็คงอยู่ที่สถานการณ์และการตัดสินใจ ถ้าขับเคลื่อนเรื่อง พ.ร.ฎ,พระราชทานอภัยโทษได้เขาก็คงเอา แต่เขาก็ต้องมาติดกับดักรอการพ้นโทษ 5 ปีอีกถึงจะเล่นการเมืองได้หากเขาคิดจะมาล้างตา ขอเป็นนายกฯ อีกหน
ดูๆ แล้วบ้านเมืองยังน่าห่วงนะ ตอนนี้มวลชนเริ่มออกมาแล้ว ขวดน้ำเริ่มปลิวในห้องสัมมนาแล้ว...
ก็น่าห่วงอยู่หรอก ก็ต้องพกยาทัมใจติดตัว ท่องตถตา...มันเป็นเช่นนั้นเอง วันละสองสามเวลา...ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไร ผมคิดว่าบ้านเมืองเราบอบช้ำกันมามากแล้ว ใครสีไหนฝ่ายไหนกลุ่มไหนจะเคลื่อนไหวก็ว่ากันไปได้ แต่ต้องยึดหลักให้มั่นว่าอย่าใช้ความรุนแรง ส่วนที่เกิดขึ้นมาแล้วจะหาทางออกกันอย่างไรก็ให้สังคมได้มีส่วนร่วม ยึดหลักนิติรัฐนิติธรรมให้มากที่สุด ถ้าเรายังก้าวข้ามตรงนี้ไม่ได้ผมก็อดหวั่นใจไม่ได้จริงๆ ว่า ความรุนแรงมันอาจจะเกิดอีกรอบ..และน่ากลัวกว่ารอบก่อนๆ ...!!
samr_rod@hotmail.com
ไม่บังอาจ พอดีวันนี้มีนัดขึ้นโรงขึ้นศาล และมีภารกิจที่เลื่อนไม่ได้อีกหลายอย่าง ไม่มีสมาธิมานั่งคิดอ่านอะไรแบบเนียนๆ ต้องขอโทษท่าน บก.จริงๆ
ขนาดลาออกจากพรรค (การเมืองใหม่) ตกงานแล้วยังมีอะไรยุ่งขิงอีกเหรอ
ผมยังมีลมหายใจ ยังมีชีวิตอยู่นะ
เห็นวันก่อนไปออกรายการสภาท่าพระอาทิตย์กับพล.อ.อ.นพฤษภ์ มัณฑะจิตร อดีต ส.ว.วิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งโยกย้ายทหารปีนี้ สรุปให้ฟังหน่อยสิ
ในส่วนของผมก็แล้วกันนะ มันก็ไม่มีอะไรมาก
1) เกิดความไม่ลงรอยกรณีตำแหน่งปลัดกลาโหม ทางพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ท่านอยากได้รองปลัด ลูกน้องของท่านที่ชื่อพล.อ.วิทวัส รัชตะนันทน์ แต่ฝ่ายโน้นเขาส่งพล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ประธานที่ปรึกษากองทัพไทยเข้าประกวด คนเสื้อแดงหลายส่วนเชียร์อยู่ด้วย งานนี้ทำให้พล.อ.วิทวัสกับพล.อ.เสถียรซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท. 11 มองหน้ากันลำบาก ผมเองไม่รู้จักทั้งสองท่าน แต่ผมคิดว่างานนี้ถ้า รมว.กลาโหมดันไม่สำเร็จก็คงเสียรังวัดไปเยอะ
2) กรณีเปิดอัตราตำแหน่งประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม จะเปิดหรือเปล่า เพราะตามโผพล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ที่ดำรงตำแหน่งนี้จะข้ามห้วยไปเป็นรอง ผบ.สูงสุด พอข้ามห้วยอัตรามันก็หมดไปเพราะเป็นตำแหน่งเฉพาะตัว ต้องเปิดใหม่ ผมไม่รู้ว่าถ้าได้เปิดอัตราใครจะมานั่ง แต่ตรงข้ามถ้าไม่เปิดมันก็กระทบโผโยกย้าย ต้องมารื้อกันใหม่นิดหน่อย ที่สำคัญนี่มันจะสิ้นกันยา สิ้นปีงบประประมาณแล้ว ผมกับท่านพล.อ.อ.นพฤษภ์เราเลยเห็นตรงกันว่าการจัดทำโผล่าช้าอย่างนี้มันช้าเกินไป มันไม่ดี เพราะสุดท้ายต้องนำรายชื่อกราบบังคมทูลด้วย เวลาที่จวนเจียนอย่างนี้มันบังควรแล้วหรือ
นอกนั้นก็ไม่มีอะไร เพราะประเด็นของผมจริงๆ ผมเฝ้ามองว่าใครจะขึ้นเป็น ผบ.สูงสุด ตอนแรกปล่อยออกมาว่าจะเป็นพล.อ.เสถียรซึ่งเหลืออายุราชการปีเดียว ถ้าพล.อ.เสถียรขึ้น ผบ.สูงสุดอาจทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เกิดอาการเสียวโว้ยขึ้นมาได้ว่า กันยาปีหน้าจะถูกเตะโด่งไปนั่งตรงนั้นหรือเปล่า แต่พอโผชัดว่าผบ.สูงสุดคนใหม่คือพล.อ.ธีรศักดิ์ ปฏิมาประกร เสธ.ทหาร ซึ่งจะเกษียณปี 57 ปีเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นโอกาสที่พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ในตำแหน่งแม่ทัพบกจนเกษียณก็มีมาก
สรุปว่าพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม 2551 ที่กำหนดให้มีคณะกรรมการ6-7 คนเป็นคณะกรรมการพิจารณาด่านสุดท้ายกรณีแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลดีหรือเปล่า มันป้องกันการล้วงลูกจากฝ่ายการเมืองได้หรือไม่
มันก็โอเคนะในแง่ของรูปแบบ พิธีการ มันได้ระดับหนึ่ง แต่ถึงที่สุดแล้วมันอยู่ที่ตัวกองทัพแต่ละเหล่าทัพหรือส่วนราชการว่าจะชงโผขึ้นมาอย่างไร ปล่อยให้ฝ่ายการเมืองไปล้วงตับล้วงโผกันตรงนั้นหรือไม่ คือบ้านเราอย่างที่รู้ๆ น่ะแหละต่อให้กฎหมายดีแค่ไหนอย่างไร แต่ถ้าคนไม่ดีมันมีอำนาจ ข้าราชการยอมสยบ ทุกอย่างมันก็จบ
จริงๆ แล้วถ้าย้อนไปในอดีต สมัยผมเป็นนักข่าวไปสัมภาษณ์ท่านพล.อ.อ.พะเนียง กานตะรัตน์ เมื่อปี 2530 หรือ 2531 ท่านบอกว่าพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ (นายกฯ ในขณะนั้น) ท่านมองยาวว่า วันข้างหน้าประเทศไทยอาจมี รมว.กลาโหม ที่มาจากพลเรือน เป็นนักการเมือง ท่านจึงมีแนวความคิดที่จะวางกฎ กติกา มารยาท เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายทหารเอาไว้โดยตอนนั้นจะให้สภากลาโหมเป็นเวทีสำคัญ ให้ รมว.กลาโหมพลเรือนกับทหารร่วมกันตัดสินใจประมาณนั้น ก็มีความพยายามแก้ไขตรงส่วนนั้นกันมาเรื่อยๆ สุดท้ายก็มาจอดป้ายที่ พ.ร.บ. 2551
ฟังแล้วกองทัพนี่เป็นองค์กรสำคัญนะ ใครยึดได้นี่เกือบๆ จะยึดประเทศได้ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้คุณทักษิณยังไม่รุกคืบเข้ามาเท่าที่ควรนะ หรือคุณว่าไง
ไม่น่าถาม กองทัพเป็นสถาบันหลักที่สำคัญอยู่แล้ว คุณสนธิ ลิ้มฯ พูดเป็นแผ่นเสียงตกร่องไปเรียบร้อยแล้วว่า ยามใดกองทัพอ่อนแอสถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะอ่อนแอไปด้วย เพราะนอกจากกองทัพเป็นเสาค้ำสำคัญกับบ้านเมืองแล้วยังเป็นองค์กรเป็นสถาบันที่คู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์ รัฐธรรมนูญทุกฉบับหรือฉบับปัจจุบันมาตรา 10 ก็เขียนชัดว่า “พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย” ตรงนี้จะว่าไป หากที่ผ่านๆ มาถ้าทหารหาญหรือคนไทยคิดให้ลึกซึ้งบางทีบ้านเมืองอาจจะไม่เป็นอย่างนี้ ปี 2551 หรือ 2552 หรือ 2553 มันอาจจะก้าวผ่านไปอีกแบบก็ได้ แต่ผมไม่ได้หมายถึงการรัฐประหารนะ เดี๋ยวจะตีความผิด
ทีนี้เรื่องคุณทักษิณกับกองทัพผมคิดว่าเขารู้นะว่าอะไรเป็นอะไร วันนี้ตรงอื่นเขาแตะหมดกวาดหมดเท่าที่จะกวาดได้ โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่หลายคนบอกว่ากำลังจะเป็น “รัฐตำรวจ” ของระบอบทักษิณ แต่กับกองทัพเขาไม่กล้าที่จะรุกคืบ แต่ใช้วิธีการ “อยู่ร่วมกัน” แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยว่างั้นเถอะ แต่วันหน้าจะเป็นอย่างไรผมก็ไม่รู้นะ ซึ่งในสายตาและความรู้สึกของผม...ผมคิดว่าถึงแม้ปัจจุบันกองทัพจะอ่อนแออ่อนด้อยในหลายเรื่อง แต่ดีๆ ชั่วๆ ก็ยังเป็นปราการด่านสำคัญที่จะยันกับพวกที่คิดมิดีมิร้ายกับสถาบัน แต่ต้องบอกกันหน่อยว่าวันนี้อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งหมายรวมถึงขบวนคนเสื้อแดงด้วยนะ เขาโตเขาเติบใหญ่อย่างน่ากลัว ถ้าลำพังพวกเขาเป็นแค่มวลชนหย่อนบัตรให้พรรคเพื่อไทยตามวิถีประชาธิปไตย 4 วินาทีก็คงไม่เท่าไหร่ แต่นี่หลายส่วนมันไปไกลมากกว่านั้น อันนี้น่าคิด
ไหนๆ ก็คุยถึงคุณทักษิณ คุณคิดว่าเขาจะขับเคลื่อนเรื่องพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ ยอมมาติดคุกสักแป๊บหนึ่งเพื่อแลกกับอิสรภาพจริงหรือเปล่า...
ตอบตรงๆ ก็ต้องบอกว่าเดาไม่ถูก เวลาโดนถามผมก็เลยบอกว่า 50/50.... วันก่อน ส.ส.เพื่อไทยบางคนบอกผมว่าคุณทักษิณพูดกับ ส.ส.ที่ไปพบกันที่เขมรว่า เขายังมีภารกิจต้องดูธุรกิจเหมืองอีกสิบยี่สิบเหมืองยังไม่อยากกลับมาตอนนี้ ขอให้ช่วยสนับสนุนนายกฯ ปูให้อยู่สัก 8 ปี แต่เวลาพูดกับพวกเสื้อแดงที่เหมารถกันไปพบทักษิณก็บอกว่า...พวกเราเต็มที่อะไรประมาณนั้น แล้วคุณจะตีความว่าอย่างไรดีล่ะ
ผมเลยมองว่าทักษิณเล่นคั่วไพ่หลายหน้า เพราะในมือมีทั้งอำนาจรัฐ มีทั้งพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีกลุ่มมวลชนขนาดใหญ่มากๆ เขาจะเล่นไพ่ใบไหนเมื่อไหร่อย่างไรก็คงอยู่ที่สถานการณ์และการตัดสินใจ ถ้าขับเคลื่อนเรื่อง พ.ร.ฎ,พระราชทานอภัยโทษได้เขาก็คงเอา แต่เขาก็ต้องมาติดกับดักรอการพ้นโทษ 5 ปีอีกถึงจะเล่นการเมืองได้หากเขาคิดจะมาล้างตา ขอเป็นนายกฯ อีกหน
ดูๆ แล้วบ้านเมืองยังน่าห่วงนะ ตอนนี้มวลชนเริ่มออกมาแล้ว ขวดน้ำเริ่มปลิวในห้องสัมมนาแล้ว...
ก็น่าห่วงอยู่หรอก ก็ต้องพกยาทัมใจติดตัว ท่องตถตา...มันเป็นเช่นนั้นเอง วันละสองสามเวลา...ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไร ผมคิดว่าบ้านเมืองเราบอบช้ำกันมามากแล้ว ใครสีไหนฝ่ายไหนกลุ่มไหนจะเคลื่อนไหวก็ว่ากันไปได้ แต่ต้องยึดหลักให้มั่นว่าอย่าใช้ความรุนแรง ส่วนที่เกิดขึ้นมาแล้วจะหาทางออกกันอย่างไรก็ให้สังคมได้มีส่วนร่วม ยึดหลักนิติรัฐนิติธรรมให้มากที่สุด ถ้าเรายังก้าวข้ามตรงนี้ไม่ได้ผมก็อดหวั่นใจไม่ได้จริงๆ ว่า ความรุนแรงมันอาจจะเกิดอีกรอบ..และน่ากลัวกว่ารอบก่อนๆ ...!!
samr_rod@hotmail.com