“เสธ.ไก่อู” เผย ผบ.ทบ.สั่งแจงข่าวให้การซัด "เทือก-มาร์ค" คดีชุมนุมทางการเมือง ปัดโยนบาปสั่งฆ่าประชาชน ชี้พูดเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ย้ำ ศอฉ.ทำตามคำสั่งสำนักนายกฯ แต่ “ข่าวสด” บิดเบือนประเด็น จับโยงกันเอง เชื่อ 2 ท่านคงเข้าใจ ลั่น ศอฉ.มีแผน 7 ขั้นตอน ใช้อาวุธเฉพาะคนถืออาวุธ ส่วนกระสุนจริง ใช้ปกป้องชีวิตประชาชน ไม่ขอวิจารณ์ออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษ
วันนี้ (18 พ.ย.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะอดีตโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ชี้แจงกรณีที่มีสื่ออ้างคำให้การพาดพิง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผอ.ศอฉ.เป็นผู้สั่งการปราบปรามกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า เมื่อวันอังคารที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปพร้อมนายทหารพระธรรมนูญเพื่อให้การต่อกรณี 13 ศพ จากการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ส่งเรื่องมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สอบสวนเพิ่มเติม จึงมีเจ้าพนักงานสอบสวนกว่า 30 นาย จาก 6 สถานีตำรวจที่เกี่ยวข้องในการสอบคดีดังกล่าว นอกจากตนแล้ว ยังมีนายทหารฝ่ายเสนาธิการ และ นายทหารชั้นประทวนด้วย
“เรื่องที่ให้ปากคำ เป็นเรื่องเดิมทั้งหมดที่เคยแถลงข่าวตั้งแต่ ศอฉ.และเป็นเรื่องเดิมที่เคยให้ปากคำไปแล้ว โดยผมขอยืนยันคำให้การตามคำให้การเดิม สรุปว่า ศอฉ.จัดตั้งขึ้นตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี มีใครเป็นผู้บังคับบัญชา ทหารปฏิบัติภารกิจภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ การปฏิบัติงานก็เป็นไปตาม มติ ศอฉ.การปฏิบัติยึดถือเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นไปตามหลักสากล มีมาตรการขั้นเบาไปหาหนัก 7 ขั้นตอน มีการแบ่งให้เห็นอย่างชัดเจน แต่สถานการณ์จริงเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก แต่ละขั้นตอนอาจจะดำเนินการไปแบบต่อเนื่องตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กระสุนจริงมีการนำมาใช้ แต่มีมาตรการควบคุมอย่างชัดเจนว่า กระสุนจริงยิงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขวัญผู้ที่กระทำการผิดกฎหมาย และใช้กรณีเจ้าหน้าที่ตรวจพบเป้าหมายบุคคลที่มีการถืออาวุธร้ายแรงที่กำลังทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนให้ได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้” โฆษก ทบ.กล่าว
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า สิ่งที่ได้ให้การไป คือ สิ่งที่ได้ชี้แจงไว้แล้วสมัย ศอฉ.และให้การเช่นนี้มาตลอด ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ตอนท้ายได้ยกตัวอย่างให้เห็นว่า ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน หรือ ปฏิบัติการฝึก ทางผู้บังคับบัญชาฝึก พูดเสมอว่า จะไม่ทำร้ายผู้ที่ไม่ถืออาวุธ ดังนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่บุคคลซึ่งอยู่ตรงหน้าเป็นพี่น้องประชาชนคนไทยด้วยกัน ที่มีความคิดแตกต่างทางการเมือง จะนำอาวุธกระสุนจริงมาทำร้ายพี่น้องประชาชน โดยให้ปากคำไปทั้งหมด 13 กรณี วันถัดไปมีผู้สื่อข่าวสำนักพิมพ์ข่าวสด มาถามข้อมูล ก็อธิบายความไปตามที่ได้เรียนข้อมูลให้ทราบ หลังจากนั้น มีการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร โดยการหยิบประเด็น ชี้ประเด็น ใช้คำพูด ใช้วิธีสื่อความหมายตามที่ตัวเองประสงค์ ใครจะคิดไปลักษณะใด ไม่สามารถห้ามได้ ทั้งนี้ กองทัพไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินการเพราะเป็นเรื่องที่สังคมพิจารณาได้
โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า หลังจากมีข่าว ผบ.ทบ.เรียกไปถามว่าข้อมูลเป็นอย่างไร และได้บอกว่าให้ทำความเข้าใจกับสังคม เพราะวันนี้ภารกิจหลัก คือ การช่วยเหลือประชาชน ดังนั้นอย่าให้สังคมเกิดความรู้สึกเสียบรรยากาศต่อภารกิจหลักที่กองทัพบกกำลังทำอยู่ ยืนยันว่า คำให้การไม่ได้ไปชี้นำ หรือพุ่งเป้าไปที่ใคร ตามที่เสื้อแดงออกมาบอก ส่วน นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ จะเข้าใจหรือไม่นั้น ตนไม่มั่นใจว่า ท่านจะรู้สึกอย่างไร แต่คิดว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง ท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน ทหารก็ทำหน้าที่ของเรา ทุกคนยึดตามตัวบทกฎหมาย คิดถึงสิ่งที่ถูกต้อง ความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก ทุกคนต้องเกิดความเชื่อมั่นศรัทธาซึ่งกันและกันในการทำงานในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ “คิดว่าท่านคงเข้าใจมั้ง”
เมื่อถามว่า แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนแปลง แต่คำให้การไม่เปลี่ยนใช่หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงคือข้อเท็จจริง เราไม่สามารถเปลี่ยนคำให้การได้ เพราะคำให้การเหล่านี้ให้มาหลายคดี กรณี 13 ศพ คือ ส่วนหนึ่งของคดีทั้งหมด คำให้การต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันเป็นไปตามข้อเท็จจริง อีกทั้งตัว โฆษก ศอฉ.ไม่ใช่ประจักษ์พยาน ซึ่งประจักษ์พยานไม่ใช่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เห็นและอธิบายความได้ โฆษก ศอฉ.ชี้แจงได้เฉพาะนโยบาย หลักการ ในภาพรวมกว้างๆ เป็นพยานบอกเล่า ทั้งนี้ ไม่อยากให้ไปโยงกับการเมือง แต่ขอยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็แล้วแต่ สิ่งที่ทำให้การของเจ้าหน้าที่ทหารทุกคน ก็เป็นไปตามภารกิจที่เกิดขึ้น เราไม่เคยให้การเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
โฆษก ทบ.ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีผ่านความเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษว่า ทหารไม่อยู่ในฐานะวิพากษ์วิจารณ์ หรือแสดงความเห็น ทุกคนมีความคิดได้ แต่ในฐานะที่เป็นกลไกของรัฐก็ต้องทำหน้าที่ สังคมหลายส่วนต่างก็มีความคิดในเรื่องนี้ได้ ส่วนที่กังวลว่ากลุ่มต่อต้าน และจะชนกันนั้น ไม่อยากมองอย่างนั้น เพราะต่างคนต่างโตแล้วต่างก็ต้องใช้วิจารณญาณ ต้องเอาปัญหาใกล้ตัวเป็นหลักโดยเฉพาะความเดือดร้อนของประชาชนจากน้ำท่วม ซึ่งในการประชุมประจำวันของกองทัพบกในช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งการว่า สถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น งานหนักยังรออยู่ข้างหน้า ดังนั้น ทหารต้องจัดเตรียมกำลังพล ยุทโธปกรณ์ สำหรับซ่อมแซม ถนน สาธารณูปโภค ตามแนวทางที่รัฐบาลมอบหมาย