ศปภ.แจงภารกิจปรับสภาพบิ๊กแบ็ก หลังเคลียร์ชาวดอนเมืองเรียบร้อย ยันทุกฝ่ายพอใจข้อสรุป “ธงทอง” ยืนยันระดับน้ำฝายน้ำล้นไม่กระทบพื้นที่ กทม.ชั้นใน แต่อาจมีบางพื้นที่น้ำเพิ่มบ้าง เผยเร่งหาต้นเหตุ เผย “บันคีมูน-ฮิลลารี” เตรียมเยือนไทย หารือนายกฯช่วยแก้น้ำท่วม
วันนี้ (15 พ.ย.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) นายธงทอง จันทรางศุ โฆษก ศปภ.แถลงถึงความคืบหน้าในการปรับสภาพแนวกระสอบทรายยักษ์ หรือบิ๊กแบ็ก ในพื้นที่เขตดอนเมือง ที่มีปัญหาเรื่องแนวกั้นกระสอบทรายบิ๊กแบ็ก ให้เป็นฝายน้ำล้นและเปิดให้มีช่องทางสัญจรทางเรือได้ด้วย ว่าสืบเนื่องจากการประชุมหารือระหว่าง ศปภ.และกทม.ได้ข้อสรุปในช่วงเย็นของวันที่ 13 พ.ย. เวลา 15.00 น. โดยในช่วงค่ำของวันดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปปฏิบัติตามข้อสรุปของที่ประชุมทันที และภารกิจได้เสร็จสิ้นในช่วงดึกของวันดังกล่าว ประมาณ 03.00 น.ก็ได้มีการปฏิบัติในส่วนนี้เรียบร้อยแล้ว และได้รับการยืนยันจากนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.ยืนยันแล้วว่าทุกอย่างเรียบร้อยเป็นไปตามข้อตกลงที่มีการพูดคุยกัน และประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวก็มีความพอใจ ขณะที่เหตุการณ์ในพื้นที่เรียบร้อยปกติดี
อย่างไรก็ตาม ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปรักษาความเรียบร้อยในบริเวณดังกล่าว ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการปรับสภาพแนวบิ๊กแบ็กที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นนั้น จากการสอบถามนายธีระชนทราบว่า ในภาพรวมขณะนี้ปริมาณน้ำไม่ได้มีมากจนถึงขั้นที่ต้องวิตกกังวล และน้ำจากการเปิดแนวบิ๊กแบ็กจะไม่เข้ามาไปในพื้นที่ กทม. แต่บางพื้นที่อาจมีระดับน้ำสูงขึ้นเล็กน้อย เช่น พื้นที่เขตหลักสี่ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้คอยเฝ้าระวังจับตาอย่างใกล้ชิด โดยพยายามดูว่าระดับน้ำที่สูงเพิ่มขึ้นนั้นมาจากสาเหตุใดกันแน่
นายธงทองกล่าวว่า ทาง ศปภ.ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ร่วมปฏิบัติงาน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของ กทม.ที่ถือเป็นกำลังหลัก รวมถึงเจ้าหน้าที่จากกองทัพไทยที่ระดมกำลังมาช่วยเหลือทำงานกันอย่างหามรุ่งหามค่ำจนงานเสร็จลุล่วงไปได้ นอกจากนี้ต้องขอขอบคุณประชาชนในพื้นที่ที่มีความเข้าใจและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
นายธงทองกล่าวถึงกระแสข่าวความวิตกกังวลของประชาชนในพื้นที่ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ที่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบายน้ำของกรมชลประทาน เนื่องจากพบว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีเครื่องสูบน้ำอยู่ถึง 17 ตัว แต่กลับใช้งานได้เพียง 2-3 เครื่องเท่านั้น จึงสงสัยว่าเหตุใดไม่นำเครื่องที่เหลืออยู่มาใช้สูบระบายน้ำ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้รับคำชี้แจงว่า เครื่องสูบน้ำดังกล่าวได้มีการใช้สูบระบายน้ำมาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือน จึงเกิดปัญหาเครื่องขัดข้อง ซึ่งทางกรมชลประทานพยายามได้เร่งซ่อมแซมและหาเครื่องอื่นมาเปลี่ยนแทน โดยในช่วงบ่ายของวันนี้ (15 พ.ย.) ตัวแทนจากชาวบ้านประตูน้ำจุฬาลงกรณ์จะได้หารือสอบถามข้อเท็จจริงจากทางกรมชลประทานที่เซียร์รังสิต อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในภาพรวมคงไม่มีเรื่องให้ต้องวิตกกังวล และเชื่อว่าทางกรมชลประทานน่าจะชี้แจงถึงวิธีการระบายน้ำให้ประชาชนเข้าใจได้
นายธงทองกล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (16 พ.ย.) เวลา 13.00 น. นายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยและจะเข้าหารือข้อราชการกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้นจะมีการแถลงผลการหารือร่วมกัน ทั้งนี้ การมาเยือนของนายบันคีมูน ถือเป็นเรื่องดีแสดงให้เห็นว่า อย่างน้อยประชาคมนานาชาติได้ให้ความสนใจและพร้อมให้ความช่วยเหลือกับปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งนี้ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน เวลา16.30 น. นายบันคีมูนจะเดินทางลงพื้นที่ด้วยเฮลิคอปเตอร์ โดยจะลงพื้นที่ประสบอุทกภัยทางตอนเหนือของ กทม. ในพื้นที่เขตดอนเมือง, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และจะไปที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ทั้งนี้ ทาง ศปภ.ได้มอบหมายให้นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เลขานุการคณะทำงานบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่สาธารณภัยร้ายแรง พร้อมด้วยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ให้ข้อมูลและร่วมไปในการเดินทางครั้งนี้ จากนั้นในเวลา 17.00 น. นายบันคีมูนจะเดินทางไปเยี่ยมศูนย์พักพิงที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยจะไปดูเรื่องความเป็นอยู่และให้กำลังใจผู้ประสบภัย
นายธงทองกล่าวว่า นอกจากนี้ในวันที่ 16 พ.ย. เวลา 19.00 น. นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา จะเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อร่วมหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้น ในช่วงเช้าวันที่ 17 พ.ย. นางฮิลลารีจะเดินทางไปเยี่ยมผุ้ประสบภัยที่ศูนย์พักพิงที่ราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก ต่อไป
