“สกลธี” ซัด กก.ชุด “ยรรยง” ด่วนสรุปผลสอบไม่มีเหลือบงาบถุงยังชีพ ด้วยข้ออ้าง ปชป.ไม่ไปให้ข้อมูล ทั้งที่มีอำนาจเรียกหาหลักฐานได้เต็มๆ เชื่อแค่ตั้งมาแบบขอไปที แฉอีกพิรุธซื้อเรื้อไฟเบอร์กลาสลำละ 2.5 แสน ด้านอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขตสายไหม โวยรัฐบาลเลือกแจกของเฉพาะเขตฐานเสียง ปล่อยชาวบ้านอดอยาก จี้แจงหลักเกณฑ์รับเงินช่วยเหลือ 5 พันให้ชัด หลัง ปชช.แห่กลับถ่ายรูปบ้านเป็นหลักฐาน ทำทหารทำงานหนักขึ้น
วันที่ 13 พ.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนยินดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศกลางสภาว่าจะเอาจริงต่อขบวนการเหลือบสังคมที่มีส่วนงาบถุงยังชีพที่ประชาชนนำมาบริจาคเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่ทางปฏิบัติเหมือนสวนทาง เพราะมีการรีบสรุปผลว่าไม่พบว่ามีอะไรผิดและจบลงไปเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา อ้างว่าข้อมูลตรวจสอบไม่เพียงพอ เพราะตนไม่ได้ไปชี้แจงตามคำเชิญ ทั้งที่ข้อมูลต่างๆ ที่ตนแถลงไป หรือทาง ส.ส.พรรคได้เสนอในสภา ทุกอย่างล้วนเป็นเอกสารที่มาจาก ศปภ.ทั้งสิ้น การจัดซื้อ สรุปยอดการใช้จ่าย อยู่ในอำนาจที่คณะกรรมการสามารถเรียกมาได้ทั้งสิ้น
“แปลกใจว่า การที่ผมไม่ไปชี้แจงเป็นผลสำคัญที่คณะกรรมการไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้เลยหรือ ที่ผ่านมาล้วนชัดเจนว่าจุดไหนที่มีแนวโน้มทุจริต จะอ้างว่าไม่เพียงพอไม่ได้ จึงตั้งข้อสังเกตว่าไม่ได้ตั้งมาเพื่อค้นหาคนผิด แค่ตั้งส่งๆ ไปอย่างนั้นตามที่เราเรียกร้อง สงสัยว่านายกฯ และ ศปภ.มีเเจตนาค้นหาความจริงแค่ไหน ยิ่งดูอารมณ์ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ในสภาด้วยแล้ว เข้าใจว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ควรจะลงมาดูแลอย่างจริงจัง เอกสารทั้งหมดก็อยู่ในมือแล้ว เอามาตรวจให้ประชาชนพอใจว่าทุกอย่างใช้ไปเพื่อช่วยผู้ประสบภัยอย่างแท้จริง”
นายสกลธีกล่าวว่า ตนมีรายละเอียดที่ไปตรวจสอบมาจากเอกสารกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมของ ศปภ. มีการสั่งซื้อเรือไฟเบอร์กลาส 30 ลำ ลำละ 2.5 แสน ราคาทั้งหมด 7.5 ล้าน เรือขนาดเล็กที่นั่ง 2 คน ราคากลาง 2.5 หมื่น ขนาดที่นั่ง 5-6 คน 3 หมื่นบาท ขนาดที่นั่ง 10-12 คน ราคา 5 หมื่นบาท ขนาดที่นั่ง 15 คนราคา 9 หมื่นบาท จึงสงสัยว่ารัฐบาลไปซื้อที่ไหนถึงมีราคาแพง หรือซื้อเรือยอชต์มา อยากให้เอาของจริงมาพิสูจน์ เช่นเดียวกับส้วม และถุงยังชีพ รวมถึงเงินบริจาคที่เอาไปให้มูลนิธิ เช่น มูลนิธิกระจกเงา ของ บก.ลายจุด พวกนี้ทำอะไรถึงต้องให้เงิน ต้องชี้แจงทุกอย่างให้ประชาชนทราบจะได้รู้ว่าเหมาะสม โปร่งใสเพียงใด
ส่วนกรณีที่มีประชาชนรวมตัวกันในเขตดอนเมืองเพื่อให้มีการรื้อถุงทรายยักษ์ (บิ๊กแบ็ก) และขู่ปิดโทลล์เวย์ เพราะได้รับความเดือดร้อนนับหมื่นครัวเรือน ต้องถือว่าพวกเขามีใจเสียสละช่วยชะลอน้ำเข้า กทม.ให้ช้าลง ทางรัฐบาลควรเร่งเข้าไปดูและเยียวยาให้ชัดเจน เพราะเงินจำนวน 5 พันบาทไม่พอ ควรจ่ายให้เป็นกรณีพิเศษในบางจุดที่ต้องเสียสละรับน้ำมากกว่าปกติ และอยากให้ตักเตือนคนของตัวเอง เพราะการปลุกปั่นมวลชนและกล่าวโทษทหาร ไม่ใช่วิธีการทำให้น้ำลดลง
ด้าน นายก้องศักดิ์ ยอดมณี อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขตสายไหม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พื้นที่สายไหมเป็นเขตที่ กทม.ประกาศให้เป็นพื้นที่อุทกภัย 100 เปอร์เซ็นต์ และให้มีการอพยพประชาชน แต่ส่วนใหญ่นับแสนคนยังคงอาศัยในบ้านเรือนและต้องทนอยู่กับน้ำ ทั้งที่อยากออกแต่ไม่กล้าออก เพราะไม่มั่นใจต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่าจะดูแลทรัพย์สินได้ของพวกเขาได้หรือไม่ แต่ก็ชื่นชมเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ที่ทำงานอย่างหนัก และสมศักดิ์ศรี แต่มีเจ้าหน้าที่บางส่วนของรัฐ ที่ถูกนักการเมืองนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว จนทำให้ชาวบ้านต้องหลั่งน้ำตาต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะหลายชุมชนที่ตนเข้าไปเยี่ยมเยียน มีการซักถามว่าถุงยังชีพหายไปไหนหมด เพราะไม่เคยได้รับเลย ทั้งที่รัฐบาลได้รับของบริจาคจำนวนมาก และหลายคนบอกว่ามีการเลือกปฏิบัติ โดยจะเลือกแจกเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงของตนเองเท่านั้น รวมถึงการทำครัวรัฐบาลเพิ่งเริ่มต้นทั้งที่น้ำท่วมสายไหมร่วมเดือน และมีการแจกในพื้นที่พรรคเพื่อไทยเป็นส่วนใหญ่ อยากให้รัฐบาลให้ความเป็นธรรมเพราะทุกคนเดือดร้อนเท่ากัน
นอกจากนี้ อยากให้กำหนดหลักเกณฑ์การให้ค่าชดเชยบ้านละ 5 พันบาทให้ชัดเจน เช่น ผู้เช่าบ้านจะได้หรือไม่ ต้องนำรูปถ่ายประกอบการพิจารณาหรือไม่ บางคนต้องกลับเข้าไปถ่ายรูปเพราะกลัวไม่ได้รับค่าชดเชย สร้างความลำบากให้แก่ทหารเพราะคนเริ่มกลับเข้าไปพื้นที่มากขึ้น ขอให้ช่วยให้ข้อมูลประชาชนทางสื่ออื่นด้วย ไม่เฉพาะทางวิทยุ ทีวี เพราะบางศูนย์ก็ไม่สามารถรับได้