“พิชาย” ชี้ “ยิ่งลักษณ์” อยู่ถึงมกราคมก็เก่งแล้ว เชื่อหลังน้ำลด ภาคธุรกิจเดินหน้ากดดันเปลี่ยนนายกฯ เพื่อฟื้นความเชื่อมั่น ด้าน “สุริยะใส” เชื่อ “แม้ว” ตั้ง “ดร.โกร่ง” เป็นประธาน กยอ. หวังรอจังหวะดันขึ้นแท่นนายกฯแทน เพราะ “ปู” ไปไม่รอดแล้ว
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “คนเคาะข่าว”
วันที่ 9 พ.ย. เมื่อเวลา 20.30 น. รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน หรือกลุ่มการเมืองสีเขียว ได้ร่วมพูดคุยในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
รศ.ดร.พิชายกล่าวว่า การตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฟื้นฟูและสร้างอนาคตของประเทศ (กยอ.) มีนายวีรพงษ์ รามางกูร เป็นประธาน คนคนนี้เคยเป็นที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ วิธีคิดก็จะเหมือนกัน ความเชื่อเดียวกัน คือเน้นอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ และคณะกรรมการร่วมอีก 14-15 คน ก็ประกอบด้วยกลุ่มทุนธุรกิจทั้งนั้นเลย กับกลุ่มเทคโนแครต ที่รับใช้รัฐบาลมาตลอด
ทั้งหมดก็คือ เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ พัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งสิ่งนี้ที่ทำประเทศวิกฤต แบบแผนทั้งหมดก็เน้นวิธีเดิม รวมถึงการไม่มีตัวแทนจากภาคส่วนอื่นๆ เลย ทำแบบนี้จะวิกฤตยิ่งกว่าเดิม
รศ.ดร.พิชายกล่าวอีกว่า วิกฤตแบบนี้ต้องหาแนวทางใหม่ ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิดทั้งหมดซึ่งกลุ่มอำนาจที่มีอยู่ไม่ยอมเปลี่ยนหรอก ฉะนั้นจุดเริ่มต้นต่อไปถ้าเราจะสร้างอนาคตไทย คือต้องเปลี่ยนแปลงกลไกอำนาจ ถ้าไม่เปลี่ยนก็จะได้คนเดิม ได้แนวคิดเดิมๆ
อีกทั้งแทนที่น้ำจะสลายสี แต่กลายเป็นว่าคนที่ไม่ชอบเสื้อแดงยิ่งไม่ชอบเข้าไปอีก เสื้อแดงที่มีสติปัญญาก็เห็นแล้วว่านักการเมืองไม่เอาไหน วิกฤตครั้งนี้ต้องมาทบทวนกลไกอำนาจใหม่ ว่าที่ผ่านมามันใช้ไม่ได้
รศ.ดร.พิชายกล่าวต่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะทนได้หรือไม่ คงไม่นาน การที่ทหารออกมาวิพากษ์วิจารณ์ แสดงว่ากลุ่มทหารเองเริ่มมองเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในรัฐบาล ในแวดวงทหารเองคงคิดเรื่องนี้อยู่
มวลชนเสื้อแดงก็แตกแยกกันเอง ฝ่ายที่จงรักภักดี พ.ต.ท.ทักษิณ กับฝ่ายที่ไม่ได้เชิดชู พ.ต.ท.ทักษิณมาก และแดงกลางๆ ก็เริ่มเห็นแล้วว่ารัฐบาลไม่สามารถทำงานได้ สื่อต่างๆ ที่เคยเชียร์ตอนนี้ก็เริ่มวิจารณ์ ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เอารัฐบาลก็ยิ่งตอกย้ำว่าการทำงานของรัฐบาลเป็นการทำงานที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
คิดว่ากลุ่มที่มีพลังเรียกร้องรัฐบาล คือ กลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อแย่งชิงงบประมาณมาดูแลธุรกิจกลุ่มตัวเอง กลุ่มนี้มีอำนาจมาก แต่กลุ่มที่เดือดร้อนก็มีเกษตรกร แรงงานเดือดร้อนก็ต้องออกมา ชาวบ้านธรรมดาก็อาจต้องมาเรียกร้องเหมือนกัน ตอนนี้แทบไม่มีคนฟังคำสั่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว ไร้อำนาจในการสั่งการโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้ก็ประคองสถานการณ์ไปวันๆ อยู่ได้ถึงมกราคมก็เก่งแล้ว แต่ปัญหาจะออกด้วยกลไกแบบไหน แรงกดดันอาจมาจากกลุ่มธุรกิจ ที่ไปกดดันกับพรรคเพื่อไทย เพราะต้องการความน่าเชื่อถือ อย่างที่ตั้ง ดร.โกร่ง ดีไม่ดีอาจเชิดมาเป็นนายกฯ ก็ได้ ด้วยกลไกใดสักอย่าง แต่จะไม่ใช่กลไกในสภา
รศ.ดร.พิชายกล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณคงยื้อการเป็นรัฐบาลไปให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เพื่อให้ได้ใช้งบนั้นในการสะสมทรัพยากร เพื่อที่ตัวเองจะได้กลับประเทศ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงประเทศหายนะแน่
ด้าน นายสุริยะใสกล่าวว่า ดร.โกร่งเริ่มงาน กยอ.ด้วยการไปคุยทูตญี่ปุ่น ความจริงควรไปถามชาวนาที่โดนน้ำท่วม นายทุนล้มแล้วลุกได้เร็ว แต่เวลาชาวบ้านล้มละลายมันคือบ้านของเขา
ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าปัญหาน้ำท่วม คือ วิกฤตความเชื่อมั่นในผู้นำ เพราะมีโอกาสเข้าสู่รัฐล้มเหลว การก่อจลาจล ความโกลาหลก็จะตามมาได้ในระยะยาว
นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า มันมีข่าวว่าเอกชนจ่ายเงินให้รัฐบาล 50 ล้าน เพื่อป้องกันโซนตัวเองให้ท่วมน้อยที่สุด ซึ่งมันก็เป็นประเด็นที่ต้องไปสอบ ส่วนการเอา ดร.วีรพงษ์ มาเป็นประธาน กยอ. คิดว่าเป็นการสร้างรัฐบาลเงาซ้อนรัฐบาลชุดนี้ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปไม่ได้แล้ว
คงมีการปรับโครงสร้างอำนาจ อาจปรับครม.เพิ่มอำนาจให้ ดร.โกร่ง สร้างองค์อำนาจใหม่ แต่ถ้า ดร.โกร่งไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศได้ กุมสภาพไม่อยู่ ก็จะชิงยุบสภา และต้องจับตาการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย ตนเชื่อว่าตอนนี้เขาคิดเรื่องใช้เงินไว้หมดแล้ว หลังน้ำลดคงแจกโน่นแจกนี่ ติดประชานิยม เพื่อเรียกคะแนนนิยมกลับคืน เพราะรู้ว่าน้ำลดตอผุด
