รมว.คมนาคมเผยถุงทรายยักษ์ถูกรื้อไม่มาก แค่ 5-10 เมตร ย้ำไม่ได้ทำให้น้ำเหนือคันสูงขึ้น แต่ช่วยลดมวลน้ำเข้ากรุงได้ อ้างวานนี้ลด 40 ซม. ชี้หาก กทม.ระบายน้ำดี อีกไม่นานน้ำลด มั่นใจสนามบินสุวรรณภูมิรอดน้ำท่วม
เมื่อเวลา 09.50 น.วันที่ 9 พ.ย.ที่รัฐสภา พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม กล่าวถึงมาตรการป้องกันไม่ให้ประชาชนรื้อแนวถุงทรายยักษ์ หรือบิ๊กแบ็ก ที่ถนนโลคัลโรด เมืองเอก รังสิต ว่าจะยังคงใช้มาตรการเดิม รับรองว่าปลอดภัยแน่ เพราะมีความสูงถึง 3.5 เมตร ขณะที่รอยรั่วต่างๆ ที่เกิดจากการรื้อคันของผู้ประสบอุทกภัยนั้น ตนทราบมาว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกรุงเทพมหานครได้มีการไปพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว โดยความกว้างที่ถูกรื้อมีระยะทางไม่มากประมาณ 5-10 เมตร เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ประชาชนบริเวณเหนือคันบิ๊กแบ็กเข้าใจผิดว่าปริมาณน้ำที่บ้านนั้นสูงขึ้น ซึ่งที่จริงไม่ใช่ เพราะน้ำนอกคันบิ๊กแบ็กเท่าเดิม อีกทั้งยังลดลงตามปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย แต่เมื่อน้ำในคันบิ๊กแบ็กลดลง มีปริมาณต่างกันระหว่างในคันกับนอกคัน ประชาชนที่อยู่นอกคันจึงคิดว่าน้ำขึ้น
“จากการวัดปริมาณน้ำเมื่อวันที่ 8 พ.ย.น้ำในคันบิ๊กแบ็กลดลงไป 40 ซม. แสดงว่าการใช้บิ๊กแบ็กได้ผล เพราะน้ำที่เติมลงมานั้นมีน้อยลง อีกทั้งหากไม่มีอะไรไปกวนตรงนั้นจะทำให้น้ำใน กทม.ลดลงเรื่อยๆ ซึ่งขณะนี้หัวน้ำใน กทม.ตามถนนต่างๆ ไม่ไปไกล เริ่มอยู่กับที่ และหากระบบระบายน้ำ เครื่องสูบ กทม.ดี ก็สบายขึ้น” พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุว่าปริมาณน้ำที่ไหลเข้ามาลดลง เหตุใดระดับน้ำใน กทม.จึงเพิ่มขึ้น รมว.คมนาคมกล่าวว่า น้ำจากทางเหนือที่เข้ามาเติมให้มากขึ้นนั้นไม่มีแล้ว แต่สาเหตุที่น้ำใน กทม.สูงเพราะน้ำข้างในไหลไปเรื่อยๆ เพราะแต่ละพื้นที่มีความสูง ต่ำแตกต่างกัน ซึ่งหากทาง กทม.สูบได้เร็วขึ้นก็จะเหลือน้อยลง ทั้งนี้ ขอย้ำอีกครั้งว่าบล็อกน้ำได้แล้ว
เมื่อถามว่า ประชาชนที่อยู่เหนือคันบิ๊กแบ็กขู่ว่าหากไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาลจะออกมาชุมนุม รมว.คมนาคมกล่าวว่า ต้องว่ากันไป ตนไม่ได้ดูแลเรื่องม็อบ เพราะตนเป็นคนสร้างอย่างเดียว ทำลายของตนก็เสียดาย เพราะทำเพื่อพวกเรา เพื่อคน กทม. โดยจะมีเจ้าหน้าที่อีกชุดที่ดูแลเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ได้มีการพูดคุยกันแล้ว พูดรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง เมื่อถามว่า สามารถนำบิ๊กแบ็กออกบางส่วนได้หรือไม่ รมว.คมนาคมกล่าวว่า ไม่ได้ เพราะหากนำออกบางส่วนจะต้องแย่ เมื่อถามว่า บิ๊กแบ็กเป็นต้นเหตุให้น้ำไหลทะลักออกทางฝั่งตะวันออกหรือไม่ รมว.คมนาคมปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกัน
เมื่อถามว่าถึงความคืบหน้าในการกู้ถนนสาย 9 และ 340 รมว.คมนาคมกล่าวว่า ขณะนี้ถนนพระราม 2 ยังใช้การได้อยู่ อาจจะมีน้ำซึมเข้าไปบ้าง ขณะที่ถนนสาย 9 และ 340 นั้นเรากำลังเร่งกอบกู้อย่างรวดเร็วตลอดทั้งวันทั้งคืน แต่เนื่องจากน้ำมีระดับสูงทำให้บางจุดที่มีน้ำลึกอาจต้องใช้เวลานานบ้าง เมื่อถามว่าหมายความว่าเราไม่สามารถทำอะไรกับถนนพระราม 2 ได้ใช่หรือไม่ รมว.คมนาคมกล่าวว่า ใช้ให้น้ำลงทะเล ซึ่งเราไม่ได้มองเรื่องการจราจรบนถนนพระราม 2 เป็นหลัก แต่เรามองว่าให้น้ำไหลลงทะเลเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นน้ำก็จะขังอยู่อย่างนี้
มั่นใจ “สุวรรณภูมิรอด” แน่
ผู้สื่อข่าวถามถึงมวลน้ำที่เหลือเพียงอีก 7 กิโลเมตร จะเดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รมว.คมนาคมกล่าวว่า ไม่เป็นไร มันไม่ได้ท่วม อย่าไปกลัว เพราะขณะนี้มีมาตรการที่ทำไว้หมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะรอดแน่ เพราะมีมาตรการป้องกันดี และได้พูดคุยกับผู้บริหารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไว้นานแล้ว
เร่งกู้เส้นทางหลัก แหล่งเศรษฐกิจ
รมว.คมนาคมกล่าวว่า สำหรับมูลค่าความเสียหายด้านเส้นทางคมนาคมนั้น กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบทได้ประเมินความเสียหายไว้เป็นหมื่นล้านบาท และยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ยังประเมินไม่ได้ เพราะน้ำยังท่วมขังอยู่ อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการบูรณะหลังจากน้ำลดนั้น แบ่งเป็น 3 ส่วนที่จะต้องเร่งบูรณะ คือ 1.เส้นทางหลัก 2.เส้นทางเข้านิคมอุตสาหกรรม และแหล่งเศรษฐกิจสำคัญ และ 3.ทางเข้า-ออกแหล่งสินค้าต่างๆ ที่จะต้องเสร็จสิ้นให้เร็วที่สุด ขณะที่เส้นทางอื่นๆ จะทยอยทำไป เพราะเวลาขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีจะต้องทำเป็นแพกเกจไป ซึ่งไม่ช้าอยู่แล้ว
