รมช.คมนาคมเงา ติงเร่งกู้ทางหลวง 340 เปลืองงบฯ โดยใช่เหตุ แถมซ้ำเติมทุกข์ชาวบ้าน ชี้มวลน้ำย่านบางบัวทอง-ไทรน้อยยังไม่ลด หากกั้นแนวบิ๊กแบ็กแล้วสูบออก ต้องใช้เงินมหาศาล แถมจะเพิ่มมวลน้ำไปทางฝั่งตะวันตก แนะรักษาถนนพระราม 2 ที่น้ำยังไม่ท่วมมาก จะง่ายกว่า
วันนี้ (9 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเงา กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ระบุว่า จะเร่งกู้ทางหลวงหมายเลข 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี ของกรมทางหลวงเพื่อใช้เป็นเส้นทางสู่ภาคใต้หากถนนพระราม 2 ถูกน้ำท่วมว่า การที่กรมทางหลวงจะกู้ทางหลวงหมายเลข 340 จากช่วงบางใหญ่ บางบัวทอง จนถึงแยกนพวงศ์ เพื่อให้รถยนต์สามารถวิ่งได้นั้น เป็นเรื่องที่ดูเหมือนจะดี แต่หากทำจริงจะทำให้น้ำท่วมหนักในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของ กทม. ตั้งแต่พื้นที่เขตฝั่งธนบุรี พุทธมณฑล ศาลายา บางใหญ่ บางบัวทอง และไทรน้อยซ้ำเติมมากขึ้นไปอีก เพราะการที่รัฐบาลโดย ศปภ.มั่นใจในการวางแนวถุงทรายยักษ์ (บิ๊กแบ็ก) ตลอดสองข้างถนนสาย 340 และใช้วิธีการสูบน้ำออกจากพื้นที่แนวถนนเพื่อให้รถยนต์สามารถวิ่งสัญจรได้นั้น จะทำให้ปริมาณน้ำที่สูบออกตลอดสองฝั่งริมถนนตามรายทางเข้าไปซ้ำเติมทุกข์และเพิ่มปริมาณน้ำให้ท่วมสูงในเขตที่อยู่อาศัยของชาวบ้านตลอดสองฝั่งถนนแทนพื้นที่ถนน
“ถ้ารัฐบาลทำจริง จะทำให้พี่น้องประชาชนย่านนั้นต้องจมน้ำอยู่อีกนาน นอกจากนี้ การกู้ทางหลวง 340 ยังไม่ได้เป็นการตอบโจทย์เส้นทางสำรองในการเดินทางสายใต้ เพราะขณะนี้ถนนพระราม 2 ที่เป็นเส้นหลักในการเดินทางลงใต้นั้นยังไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากภาวะน้ำท่วม ยังพอที่จะหาทางป้องกันและรักษาถนนเส้นนี้ให้เป็นถนนสายหลักใช้สัญจรระหว่างภาคใต้กับภาคกลางได้” นายสามารถระบุ
นายสามารถกล่าวด้วยว่า ที่สำคัญระดับน้ำของพื้นที่ตลอดถนนสาย 340 ยังไม่ได้ลดลง ดังนั้น การสูบน้ำออกตลอดเวลาเพื่อรักษาพื้นที่ถนนให้แห้งย่อมสูญเสียงบประมาณโดยใช่เหตุ อีกทั้งยังไม่ได้มีการประเมินค่าใช้จ่าย ทั้งในส่วนของการวางบิ๊กแบ็กจำนวนมาก และการต้องใช้ไฟฟ้าหรือน้ำมันเชื้อเพลิงสูบน้ำออกตลอดเวลา รวมไปถึงในส่วนของเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ทั้งที่ข้อเท็จจริงควรที่จะรักษาถนนพระราม 2 ที่ยังไม่เสียหายหรือยังพอที่รักษาป้องกันได้ โดยไม่ต้องสูญเสียงบประมาณแผ่นดินมากเท่ากับการกู้ทางหลวง 340
“รัฐบาลควรจะรอให้ระดับน้ำของถนนสาย 340 ลดลงได้ระดับปกติ เพื่อให้ท่อหรือคูคลองสามารถรองรับปริมาณน้ำได้ก่อน จึงค่อยคิดกู้ถนนสาย 340 จะดีกว่า ผมอยากขอให้รัฐบาล ศปภ.และหน่วยงานที่เกี่ยงข้องเปิดใจให้กว้างที่จะรับฟังความเห็นต่างที่มีประโยชน์เพื่อส่วนรวม ดีกว่าการดื้อรั้นดันทุรังทำตามที่คิด โดยไม่คำนึงถึงความจริง และยังเป็นการซ้ำเติมทุกข์ให้พี่น้องประชาชนเพิ่มขึ้นอีก” นายสามารถกล่าวทิ้งท้าย