xs
xsm
sm
md
lg

“ยุทธศักดิ์” หวั่นเสียหน้าซ้ำ สั่งป้องนิคมลาดกระบัง-บางชัน เต็มกำลัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 พล.อ.ยุทธศักดิ์  ศศิประภา (แฟ้มภาพ)
รมว.กลาโหม เผยนิคมฯ บางชันเริ่มมีน้ำเข้า ส่วนนิคมลาดกระบังน้ำเพิ่มวันละ 5 ซม. รับไม่มั่นใจกำแพงจะต้านน้ำไหว สั่งเร่งผันน้ำลงคลองแสนแสบ เพิ่มเครื่องสูบน้ำ รถแบ็กโฮเสริมแนวกั้น พร้อมระดมทหาร 518 นายเฝ้าระวังคันกั้นน้ำ 24 ชม.

วันนี้ 8 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ. ได้เดินทางมาตรวจนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง พร้อมรับฟังบรรยายสรุปจากผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง และศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ทั้งนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ระบุว่าก่อนหน้านี้ตนเคยขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. แต่พอมาเห็นภาพจริงก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะความหนาและความสูงของคั้นกั้นน้ำ ทำให้ไม่มั่นใจว่าจะป้องกันให้พ้นต่อแรงดันน้ำได้ แต่ก็ยังมีจุดดีที่น้ำบริเวณนี้น้ำจะค่อยไหลๆ มาไม่ได้ไหลมาด้วยความเร็ว จุดนี้ถือว่ามีความสำคัญโดยก่อนหน้านี้ทหารได้เอากระสอบทรายมาตั้งเป็นกำแพงกันไว้อย่างดี ดังนั้น ต้องมีการตั้งชุดเฝ้าตลอด 24 ชม.และต้องรักษาคั้นกั้นน้ำให้ได้ ถ้าปล่อยไว้นานๆ จะมีหนูเข้าไปเจาะจนขยายวงกว้าง และถ้าเป็นเช่นนั้นต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะกู้พื้นที่อยู่ จึงต้องการเน้นย้ำให้เฝ้าตรวจ 24 ชม.รวมถึงจุดล่อแหลม จุดอ่อนไม่ควรจะมีเพราะจะทำให้เกิดอันตราย เหมือนอย่างเช่นนิคมอุตสาหกรรมที่ จ.ปทุมธานี จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งกระแสน้ำขึ้นเร็วมาก จนอาจเกิดซ้ำรอยเพราะว่า ดินที่ทำคั้นกั้นน้ำไม่แน่นพอหากน้ำเซาะได้ก็จะเป็นปัญหา

นอกจากนี้ รมว.กลาโหมยังได้เน้นย้ำในเรื่องเครื่องสูบน้ำถ้ามีไม่เพียงพอก็ให้ขอทาง รมว.อุตสาหกรรม เพราะตามโรงงานต่างๆ เช่น โรงงานน้ำตาลที่มีกว่า 50 แห่งไม่ได้ใช้เครื่องสูบน้ำให้ไปขอมาใช้ ถ้าใครไม่ให้ก็ให้มาบอกตน ทั้งนี้ไม่ควรประมาณว่า น้ำไม่เข้ามา เครื่องสูบน้ำต้องพร้อม หากน้ำเข้ามาทางไหนก็จะต้องกั้นเป็นบล็อกๆ แล้วทำคันดินใหม่แล้วสูบน้ำออกทันที

ด้าน พ.อ.จิระพันธ์ มาลีแก้ว รองผบ.มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) กล่าว บรรยายสรุปว่า ได้รับมอบจาก กองทัพภาคที่ 1 ให้ดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ กทม.ด้านตะวันออก โดยการช่วยเหลือนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง หน่วยได้จัดกำลังจาก กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (พัน ร. มทบ.11) จำนวน 115 นาย เข้าช่วยเหลือตั้งแต่ 14 ต.ค. ต่อมาขอกำลังจากทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.จนปัจจุบันมีกำลังทั้งหมด 581 นาย ซึ่งตามการประมาณสถานการณ์คาดว่า น้ำจะท่วมในพื้นที่เป็นการเอ่อล้นค่อยๆ ยกระดับจาก 50 ซม. ซึ่งทีผ่านมาเราได้สร้างแนวกั้นน้ำสูง 1 เมตร

หลังจากนั้น รมว.กลาโหมได้เดินทางไปตรวจนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ก่อนจะให้สัมภาษณ์ว่า 2 นิคมฯ นี้มีความสำคัญเพราะน้ำเริ่มเข้าแล้วจึงต้องหาทางแก้ไข รวมถึงเข้ามาดูกำลังทหารเพียงพอดูแลหรือไม่ ซึ่งตอนนี้มีการเพิ่มเครื่องสูบน้ำพร้อมอุดทางน้ำที่เป็นจุดอ่อน เพื่อไม่ให้ น้ำเข้านิคมฯ แต่สิ่งสำคัญของนิคมบางชันคือต้องผันน้ำไปคลองแสนแสบให้เร็วที่สุด เพราะต้องต่อสู้กับเวลา โดยเฉพาะกลางเดือนนี้น้ำทะเลหนุนสูง ส่วนนิคมลาดกระบังต้องเสริมแนวคันคูให้สูงขึ้นเพราะช่วง 4-5 วันนี้น้ำเพิ่มขึ้นทุกวันวันละ 5 ซม. นอกจากนี้ต้องเพิ่มรถแบ็กโฮให้มากที่สุด รวมถึงเครื่องสูบน้ำอีก 10 ตัวเพื่อดูดน้ำออก แต่สิ่งที่ทำให้เกิด ความสบายใจเรื่องความแรงของน้ำที่นี้ไม่เหมือน จ.ปทุมฯ ที่น้ำค่อนข้างแรง แต่ที่นี้น้ำค่อยซึมออกมา เครื่องสูบน้ำเพียงพอกับ 2 นิคมฯ ทั้งนี้มีโรงงานมาแสดงความจำนงให้ยืมเครื่องสูบน้ำประมาณ 90 เครื่อง

ส่วนประชาชนที่อยู่ทางปลายนิคมฯ ที่เราจะสูบน้ำลงไปบริเวณนั้น ได้ส่งทหารไปทำความเข้าใจ โดยเราจะไม่ให้ระดับน้ำท่วม หรือทำความลำบากให้ประชาชน และจะพยายามผันน้ำให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นทุกวันจะทำให้ไม่สามารถป้องกันนิคมฯ ได้นั้น เราต้องรีบผันน้ำออกสู่ทะเลและต้องดูประชาชนในพื้นที่ที่ด้วย ถ้าเราผันน้ำได้มาก็ยิ่งดี นอกจากนี้ ทหารไม่ได้ดูแค่ 2 นิคมฯ เรายังดูแลประชาชนรอบไปด้วย ซึ่งเป็นนโยบายของ ผบ.เหล่าทัพ ก็คงต้องต่อสู้และซื้อเวลากันต่อไป คิดว่าเราจะชนะในส่วนของการเตรียมบิ๊กแบ็กนั้น ตอนนี้ยังเก็บไว้ไม่ได้ใช้ หากเกิดเหตุการณ์ก็จะนำออกมามาใช้ซึ่งต้องดูว่าจุดไหนจำเป็นต้องใช้
กำลังโหลดความคิดเห็น