มทภ.1 ปลุกมวลชนคนไทยรักษ์แผ่นดิน กระตุ้นสำนึกคนไทยสามัคคี เทิดทูนสถาบัน ยันตั้งมวลชนไร้สี ไร้สิ่งแอบแฝง ห่วง 2 สัปดาห์น้ำท่วมอ่างทอง-อยุธยา วิกฤต สั่งกำลังพลจับตาประเมินสถานการณ์ ประสาน จว.ช่วยเหลือ ปชช.
วันนี้ (13 ก.ย.) ที่สโมสรทหารบก พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวให้โอวาทระหว่างเป็นประธานในกิจกรรมรวมพลังเครือข่ายมวลชน “รวมใจเทิดไท้องค์ราชันย์ ด้วยเรานั้น คือ คนไทยรักษ์แผ่นดิน” ของกองทัพภาคที่ 1 โดยมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ว่า จากสถานการณ์ปัญหาภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้เกิดผลกระทบต่อสถาบันหลักของชาติ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างมาก กองทัพบกได้มอบภารกิจให้กองทัพภาคที่ 1 จัดทำโครงการปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนงานด้านมวลชนและเสริมสร้างเครือข่ายภาคประชาชน สำหรับพื้นที่เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กองทัพภาคที่ 1 ได้มอบหมายให้ มทบ.11 เป็นหน่วยรับผิดชอบ โดยเข้าพบปะพัฒนาสัมพันธ์ ให้ความช่วยเหลือและสร้างความร่วมมือร่วมใจจากประชาชน ซึ่งผลการดำเนินการฝึกอบรมมวลชนของ มทบ.11ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี นครปฐม และ ปทุมธานี มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมแล้ว 14 รุ่น มียอดรวม 3,228 คน
พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ขับเคลื่อนพลังมวลชนให้เข้มแข็งสามารถสนับสนุนการแก้ปัญหาภัยคุกคามความมั่นคงได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงปัญหายาเสพติด อาชญากรรม สิ่งผิดกฎหมายต่างๆ เพราะการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ไม่สามารถทำโดยลำพังได้ แต่ต้องช่วยเหลือกัน บูรณาการการทำงานร่วมกันจึงจะได้ผล ซึ่งการทำงานตามโครงการชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหายาเสพติด 315 มวลชนเหล่านี้มีส่วนช่วยในการแจ้งข้อมูลให้กับส่วนราชการ นอกจากนี้ ยังพัฒนาชุมชนของตนเองให้มีความเข้มแข็งที่จะนำไปสู้การสร้างความมั่นคงของชาติได้เป็นอย่างดี
“สภาวะปัจจุบันสิ่งที่ประเทศไทยต้องการมากที่สุด คือ ความสามัคคีของคนในชาติ ขอฝากให้ทุกท่านเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีความพร้อมที่แสดงออกถึงความจงรักภักดี ร่วมแสดงพลังเทิดทูนสถาบันในทุกโอกาส การรวมตัวของเราเพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีๆ สร้างความรักความสามัคคี เพื่อประโยชน์อย่างแท้จริง ไม่มีสิ่งแอบแฝง ไม่มีสี ขอให้กลมเกลียว ทำเพื่อสังคมส่วนรวมต่อไป ยืนยันว่า เป็นการจัดตั้งมวลชนด้วยเป้าหมายที่มีความบริสุทธิ์ใจ เพื่อให้เกิดความรู้ร่วมกันรักษาชาติ รักษาแผ่นดิน ซึ่งโดยปกติทุกหน่วยดำเนินการโครงการนี้ในทุกจังหวัดอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ทำโดย มทบ.11 ซึ่งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล” แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว
แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ว่า การช่วยเหลือเป็นไปตามนโยบายของ ผบ.ทบ.ซึ่งเมื่อวาน ผบ.ทบ.ไปตรวจเยี่ยมด้วยความห่วงใยที่ จ.อ่างทอง และ จ.อยุธยา จากที่ได้รับการรายงานระดับน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 มีหลายจังหวัดที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจาก จ.นครสวรรค์ ลงมา ตั้งแต่ จ.ชัยนาท ราชบุรี อ่างทอง อยุธยา ประสบปัญหาทั้งหมด กองทัพบกได้สั่งมอบหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งมีหลายส่วนรับผิดชอบ โดยใน 1 อำเภอจะมีกำลังพลที่รับผิดชอบ 1 กองพัน ที่ผ่านมา ช่วยงานทางจังหวัดอย่างต่อเนื่องและเต็มที่ หากมีการร้องขออะไร เราจะช่วยเหลือทันที เพื่อช่วยประชาชนแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด
พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า ส่วนการโยกย้ายกำลังนั้น เป็นแนวนโยบายของ ผบ.ทบ.ว่า พื้นที่ไหนที่กำลังพลเข้าไปดูแลแล้วไม่เพียงพอจะนำกำลังพลของหน่วยที่รับผิดชอบในพื้นที่ใกล้เคียงที่สถานการณ์เบาบางลงมาช่วยในพื้นที่ ซึ่งเราได้มีการวางแผนกำหนดเป็นมาตรการรองรับไว้หมดแล้ว ขณะนี้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ส่วนการเข้าถึงพื้นที่ยากนั้น ขณะนี้ยังสามารถปฏิบัติงานได้เต็มที่ ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อวาน ผบ.ทบ.สั่งการให้ใช้เครื่องมือทางการช่างเข้าไปช่วยที่อ.ไชโย จ.อ่างทอง ซึ่งมีทั้งรถขุดตัก เพื่อเสริมแนวกั้นเขื่อน ซึ่งกองทัพภาคที่ 1 ได้สั่งการให้กองพลพัฒนาที่ 1 จ.ราชบุรี นำเครื่องมือลงพื้นที่แล้ว ส่วนกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ จากกรุงเทพฯ ได้มีการนำยุทโธปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เข้าไปช่วยเหลือประชาชนด้วย โดยวันนี้ ทางผู้ว่าฯ จ.อ่างทอง ได้ติดต่อมายังกองทัพ ว่า อยากได้รถยกกระสอบปูน เพื่อยกไปปิดกั้นเส้นทางน้ำ ซึ่งเป็นแนวกั้นระยะยาว โดยตนได้สั่งการให้เข้าไปช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว ส่วนน้ำที่ตกมาหลายวันมีแนวโน้มเพิ่มมาตามลำดับ คิดว่า ในรอบ 2 สัปดาห์หลายอำเภอในจ.อยุธยา และอ่างทองน่าจะอยู่ในเกณฑ์วิกฤต โดยในพื้นที่จังหวัดและคนเกี่ยวข้องต้องช่วยกันอย่างเต็มความสามารถ
พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า ตนได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา เราได้ทำงานร่วมกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัยในทุกจังหวัดอยู่แล้ว โดยจะมีทหารเป็นผู้แทนอยู่ประจำจุดเพื่อติดตาม ประเมินสถานการณ์ควบคู่กับศูนย์บรรเทาสาธารณภัย หากเขาต้องการสิ่งใด เราก็จะดำเนินการตามที่เขาร้อง ไม่ว่าจะเป็นกำลังพล หรือ ยุทโธปกรณ์ บางจุด ผบ.ทบ.สั่งการให้มีการช่วยกันดูแลร่วมกับหน่วยงานรับผิดชอบหลักในพื้นที่ เช่น พระราชวังบางปะอิน พระตำหนักสิริยาลัย วัดไชยวัฒนาราม จ.อยุธยา หากน้ำมีแนวโน้มสูงขึ้นเราก็จะทำแนวกั้นน้ำให้สูงขึ้นเพื่อรองรับสถานการณ์